Gong tau (2007)
Gong Tau: An Oriental Black Magic
นำแสดง: Mark Cheng (Officer Rockman Cheung), Maggie Siu (Karpi Cheung), Suet Lam (Officer ‘Brother’ Sum as Lam Suet), Tak-bun Wong (Lam Chiu as Kenny Wong) Yu Gu (Lockman as Kris Gu), Shiu Hung Hui (Wah as Hui Shiu Hung), Pauline Yam (Forensic Doctor), Jay Lau (Lily Chan as Lau Kam Ling), Hak On Fung (Master Clear Sea as Fung Hak On), Zi-Xuan Teng (Elli Lam as Teng Tzu Hsuan), Loi Kwan Kam (Sai Keung as Kam Loi Kwan), Wing-Hong Cheung (Kit as Cheung Wing Hong), Ho Yan Sham (Sally as Sham Ho Yan), Kwun-hong Lee (Uncle Bill as Lee Kwun Hong), Choriatee Algazaratanazin (Bad Guy)
กำกับ: Herman Yau
เขียนบท: Herman Yau & Chun-Yue Lam
ประเภท: Horror / Thriller
“อย่าให้ความรัก กลายเป็นความแค้น อาฆาต ไม่เช่นนั้น คุณอาจจะถูก Gong tau เข้าครอบงำก็เป็นได้!”
Gong tau (ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ไอ้ Gong tau นี่มันหมายความถึง ตัวตุ๊กตามนต์ดำของพวกวูดูอะไรทำนองนั้นหรือเปล่า หรือว่าเป็นมนต์ดำ หรือว่าหมายถึงการโดนสาบ ครอบงำ) หนังฮ่องกงในสไตล์ Thriller ที่มีเรื่องราวของการสืบสวนสอบสวนของตำรวจ ด้วยรสชาดแบบฟิล์มนัวร์ในสไตล์ Seven ประกอบกับอารมณ์ความสยอง กอร์เล็กๆ ไปจนถึง CG เลือดสาดในแบบหนัง Horror ทำให้โดยรวมของหนังเรื่องนี้ น่าจะเป็นที่ถูกใจของคนชื่นชอบหนังสยองบนพื้นฐานอารมณ์ความเป็นหนัง Thriller นะครับ แม้พล๊อตเรื่องจะเป็นอะไรที่ตรงๆ คาดเดาได้ง่าย และไม่สลับซับซ้อน แต่สเน่ห์ของมุมมอง การถ่ายทำ ภาพที่สื่อออกมา รวมถึงภาพความรุนแรงทั้งเรื่องของเซ็กส์ ไส้ ชำแหละ ศพ ที่มีให้เห็นอยู่ทั้งเรื่องเป็นระยะๆ น่าจะสยองตัณหาคนเสพความรุนแรงได้ไม่น้อยครับ
ผลงานของผู้กำกับ และนักเขียนบทฝีมือดี โด่งดังทั้งในเอเซีย และทั่วโลก ผลงานที่สร้างชื่ออื้อฉาวไปทั่วโลก ที่ทำให้เราจำเขาได้ไม่รู้ลืม ก็อย่างหนังเรื่อง The Untold Story หรือ Human Pork Chop หรือ ซาลาเปาเนื้อคน ผลงานสิบกว่าปีที่แล้ว แต่ยังเป็นที่ทรงจำของแฟนหนังสยองไม่รู้ลืม ถ้าให้แนะนำผลงานของ Herman Yau อีกนั้น คงต้องกล่าวถึงซีรียส์ Troublesome Night ที่ถูกสร้างออกมาหลายภาคไม่น้อย (จำไม่ได้แล้วตอนนี้มีออกมาทั้งหมดกี่ภาค) นอกจากนั้นแล้ว หนังอย่าง Ebola Syndrome ในปี 1996 ก็ติดอันดับผลงานสร้างสรรงานสยองในลิสต์ของผมอยู่เหมือนกัน จะว่าไป Herman Yau เป็นผู้กำกับหนังที่มีฝีมือไม่ใช่เฉพาะในแนวทาง Horror เขาสามารถทำหนัง Action ตลก จนถึง Drama ได้อย่างเหนือชั้นอีกเช่นกัน เมื่อหลายปีก่อน ผมยังจำได้ว่า ได้ดูหนังเรื่อง Master Q ภาพยนต์ที่นำการ์ตูนมาสร้าง ซึ่งตอนที่ดูจบ ยังไม่รู้เลยว่านี่เป็นผลงานของ Herman Yau กว่าจะรู้ก็มีโอกาสได้อ่านบทความที่กล่าวถึงผลงานของ Yau ทางอินเตอร์เน็ทเมื่อ 3 – 4 ปีที่แล้วนี่เอง
จะว่าไป ไม่รู้ว่า Herman Yau ได้แรงบันดาลใจในการสร้างเรื่องนี้มาจากอะไรนะครับ อาจจะเป็นหนังลองของ หรือคุณไสยของบ้านเรา (เพราะเห็นกล่าว และมีการถ่ายทำในไทยเราด้วย) หรืออาจจะเป็นนวนิยายของ HP Lovecraft ซึ่งโปรดปรานงานเขียนเชิงมนต์ดำ วูดูเหลือเกิน เอาเป็นว่า ใครอยากลองไปหาดูคุณไสยในสไตล์ที่ Herman Yau ทำ ก็ขอแนะนำเรื่องนี้เลยครับ
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 3.50 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies G - I Tagged with: รีวิวหนัง Gong Tau, รีวิวหนังฆาตกรรมสยอง, รีวิวหนังมนต์ดำ, รีวิวหนังสยอง, หนังแนว Seven
Female Market : Imprisonment (1986)
Ryojoku mesu ichiba – kankin
นำแสดง: Kaori Aso (Miki Uchiyama as Kaori Mai), Minako Ogawa (Akiko Saito), Kayo Kiyomoto, Tatsuya Aoki, Nobutaka Masutomi (as Butaka Masutomi), Mami Fujimura, Kume Anzai, Miki Kazahara, Chieko Oda, Noriko Hanai, Yumiko Komiya, Dennis Robertson, Arie Pretty, Tamaki Komiyama, Takahiko Okuyama
กำกับ: Yasuaki Uegaki
เขียนบท: Kazuo ‘Gaira’ Komizu
ประเภท: Horror / Torture / Porno
ผลงานการเขียนบทของยอดฝีมือ Horror Porn / Gore ของญี่ปุ่น Gaira “Famale Market” เป็นผลงานก่อนที่จะสร้างความโด่งดังฮือฮา ใน Guts of a Virgin ทั้งภาค 1 และ 2 ที่รับรองความคลาสสิกในแบบฉบับของ Gaira โดยเฉพาะครับ
เรื่องราวของชีวิตประจำวันของผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องเปลี่ยนไป เมื่อเธอถูกจับมารวมตัวกับผู้หญิงอีกหลายคน ในตลาด “ค้ากามมนุษย์”! มิกิ สาวสวยทำงานออฟฟิศธรรมดาทั่วไป ที่ดำเนินชีวิตประจำวันด้วยการตื่นเช้าไปทำงาน ออกกำลังกาย สังสรรกับเพื่อนฝูง ต้องถูกจับตัวไปกลางดึก เมื่อหล่อนตื่นขึ้นมา ก็ต้องพบกับภาพการทรมานหญิงสาว ที่ถูกจับห้อยหัวอย่างทารุณ เธอถูกจับมารวมกับหญิงสาวสวยอีกสี่คน ซึ่งในโกดักค้ามนุษย์แห่งนั้น ยังมีหญิงสาวอีกมากกว่าสิบคน คอยให้บริการอยู่
หนึ่งในลูกค้าบ้ากามแบบไม่มีจำกัดนั่นก็คือ ไอ้มืดเมกัน ที่มีความยาวเยี่ยงม้า ความมหึมาเยี่ยงช้าง การได้รับประทานอาหาร พร้อมกับการทรมานทางเพศกับเหล่าหญิงสาวสาว ขาว หมวยตาโต นั่นคือสิ่งที่ ตลาดค้ากาม แห่งนี้ทำกัน ฉากทรมานทางเพศโหด ๆ มีตั้งแต่ การนั่งกินอาหารสุดหรูบนโต๊ะ และใต้โต๊ะก็มีหญิงบริการทางเพศจัดการเสร็จสรรพกับอาวุธคู่กายของลูกค้าให้ จนถึงการทรมานด้วยเชือก แส้ ไปจนถึงเข็มที่ชาวจีนไว้ใช้รักษาอาการต่างๆ แต่ตลาดค้ากามแห่งนี้กลับนำมันมาใช้ กระตุ้มต่อมอารมณ์ทางเพศของหญิงสาวให้เกิดความปรารถนาในการต้อนรับแขกอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ฉากการหนีของหญิงสาวของคน โดยการล่อสมาชิกผู้ค้ากามเข้ามาในห้องขัง พร้อมทำการ oral ให้อยากมีความสุข ก่อนที่จะกัดไอ้จ้อนของพวกมันให้ขาดกระจุย…นี่ไม่ใช่หนัง Gore สุดโหด แต่มันเป็นหนังที่สร้างอยู่บนพื้นฐานของความจริง..โอ้ว ใจเด็ดน่าดูทีเดียว!
การคัดเลือกเหยื่อที่ไม่มีคนสนใจสังคม ผู้ที่ต้องอยู่คนเดียวในคอนโด ไม่มีพ่อแม่ พี่น้อง นี่แหละเป็นคุณสมบัติหลักที่ทำให้หญิงสาวพวกนี้ถูกเลือกมา…นี่เป็นหนังที่เต็มไปด้วยความรุนแรงทางเพศ ฉากโจ่งครึ้มสุดโต่ง แต่ก็ยังมีบางส่วนถูกเซ็นเซอร์ไว้ แต่ไม่ได้น่าเกลียดแต่อย่างใด สิ่งเป็นข้อดีในเรื่องนี้คือ อุทาหรณ์หรือข้อเตือนใจของหญิงสาวที่ควรระมัดระวังในการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่ควรไว้ใจ หรือนิ่งนอนใจกับสิ่งรอบข้าง ไปจนถึงการ “ต่อสู้” ที่ไม่เคยยอมแพ้ หรือหมดหวังกับสิ่งเลวร้าย นี่แหละ คือ สิ่งที่ทุกคนควรตระหนักไว้
ใช่ว่า สิ่งที่เราเห็นในหนังญี่ปุ่นเรื่องนี้ จะไม่เกิดขึ้นในบ้านเรา สังคมที่มีเพียงเงิน ก็สามารถสนองตัณหาราคะได้นั้น มีอยู่ในทุกคนสังคมทั่วโลก ไม่ต้องไปโทษถึงผู้รับผิดชอบ ผู้มีอำนาจต่างๆ นานา เริ่มต้นที่ตัวเราก่อนครับ แล้วทุกๆ อย่างจะดีขึ้นเอง
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 3.00 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies D - F Tagged with: ผู้กำกับ Yasuaki Uegaki, รีวิวหนัง Female Market Imprisonment 1986, รีวิวหนังสยอง, หนังญ๊่ปุ่นโรคจิต, หนังสยอง ทรมาน, เขียนบท Kazuo Gaira Komizu
The Exorcism of Emily Rose (2005)
นำแสดง: Laura Linney (Erin Bruner), Tom Wilkinson (Father Moore), Campbell Scott (Ethan Thomas), Jennifer Carpenter (Emily Rose), Colm Feore (Karl Gunderson), Joshua Close (Jason), Kenneth Welsh (Dr. Mueller as Ken Welsh), Duncan Fraser (Dr. Cartwright), JR Bourne (Ray)
กำกับ: Scott Derrickson
เขียนบท: Paul Harris Boardman, Scott Derrickson
ประเภท: Thriller/ Drama/ Horror
หนังถูกสร้างมาจากหนังสือชื่อ The Exorcism of Anneliese Michel ว่าด้วยเรื่องราว เหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในปี 1970 ของสาวเยอรมันชื่อ Anneliese Michel ที่ต้องเจ็บปวดทรมานจากการถูกผีเข้าสิง ตามที่ Emily Rose แสดงให้เห็นแล้วในหนัง เรื่องราวทั้งหมดถูกถ่ายทอดโดย Dr. Felicitas Goodman นักมานุษยวิทยา ผู้ที่มีความเชื่อในเรื่อง “การถูกครอบงำ” ของสิ่งที่เราพิสูจน์ไม่ได้ หรืออำนาจลึกลับบางอย่าง หรือ สิ่งที่เราเรียกกับว่า “ผี” นั่นเอง โดยผู้ถ่ายทอดเรื่องราวลงแผ่นฟิล์มเป็นฝีมือของ Scott Derrick ผู้กำกับที่เคยสร้าง Hellraiser ตอน Inferno มาแล้ว
The Exorcism of Emily Rose ฉบับปี 2005
Emily Rose สาวน้อยนักศึกษาวัย 19 ปี ที่ต้องมาเสียชีวิตอย่างทรมานจากการถูกผีสิง บาทหลวงผู้เคร่งครัดในหลักศาสนาหรือที่ผู้คนในหมู่บ้านนั้นเรียกท่านว่า Father Moore กลับกลายเป็นจำเลยในคดีนี้ ด้วยข้อกล่าวหาว่า หลวงพ่อทำให้สาวน้อยต้องตายจากการทำพิธีไล่ผี เป็นการทำให้ผู้ตายโดยประมาท! สิ่งที่ Father Moore ทำให้เพียงต้องการสืบสานเจตนาของ Emily ที่จะบอกเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับเธอ ต่อโลก ให้ได้รับรู้ว่า นรก สวรรค์นั้นมีจริง Erin Bruner ทนายความจำเป็นที่ต้องการมารับคดีแก้ต่างให้ Father Moore เพื่อต้องการความก้าวหน้าทางการงาน จากคนที่ไม่เคยเชื่อเรื่อง พระเจ้า ผีสาง จนต้องมาประสบเหตุการณ์ต่างๆ ด้วยตนเอง อาทิ เวลาตีสาม…เวลาของปีศาจ เป็นเวลาที่ปีศาจเย้ยหยันสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 3 สิ่ง เป็นเวลาที่ตรงข้ามกับบ่ายสามโมง ซึ่งเป็นชั่วโมงศักดิ์สิทธิ์ เป็นเวลาที่พระเยซูสวรรคต…และเวลาตีสามนี่เอง ทำให้ Erin Bruner ผู้ที่ไม่เคยเชื่อเรื่องพระเจ้า และผีสาง ต้องหันกลับมาคิดว่า หากสิ่งเหนือธรรมชาติเหล่านี้มีจริง เธอจะทำอย่างไร จากจุดที่เธอต้องมาประสบด้วยตนเองนี้ ทำให้เธอต้องแยกแยะให้ออกระหว่าง สิ่งที่เธอต้องการทำ กับสิ่งที่เธอควรทำ…เธอควรจะเลือกทางไหน พลังความมืดที่จะคอยมาขัดขวางกับความถูกต้องและความยุติธรรมจะเป็นอย่างไร เพื่อนๆ ลองไปหาชมดูครับ
ด้านดารานักแสดง…
ต้องขอพูดถึง Laura Linney ในบทบาทของ Erin Bruner ทนายสาวผู้มากด้วยความมั่นใจ ผมชอบ Linney เป็นการส่วนตัวตั้งแต่เธอแสดงเรื่อง Primal Fear (หนัง Crime/Thriller เรื่องแรกๆ ของเฮีย Edward Norton ที่ทำให้เขาเริ่มโด่งดัง) จนมาถึงเรื่อง Mystic River (หนังของลุง Clint Eastwood) และประทับใจล่าสุดในบทบาทสุดน่ารักแสนอบอุ่นใน Love Actually (หนังตลก น่ารัก อบอุ่นที่รวบรวมดาราฝีมือดีไว้เพียบ) เกริ่นมาซะเยอะ…จะบอกว่า เธอแสดงบทบาทลีลาการเป็นทนายที่ไม่เคยเชื่อเรื่องผีสาง แต่กลับต้องมาเจอเรื่องดังกล่าวด้วยตัวเองนั้น การแสดงของเธอทำได้เยี่ยมทีเดียว โดยเฉพาะเอกลักษณ์เรื่องการใช้สายตาแสดงบทบาทต่างๆ (ขอชมหน่อยละกัน…ชอบ) ปะทะบทบาทกับทนายฝ่ายอัยการ (หรือทนายของประชาชน) ที่ล้วนแล้วแต่ต้องใช้คำพูดแสดงบทบาท เล่าเรื่องราว ผมว่ามันยากกว่าการใช้ท่าทางแสดง เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ Linney ทำได้ดีครับ อีกสองคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ Tom Wilkinson หรือ Father Moore ในเรื่องกับ Jennifer Carpenter กับบทบาท Emily Rose ที่ต้องแสดงให้ชักกะแด่วๆ ชักดิ้นชักงอ ทำเอาผมเองดูแล้วสยองไม่น้อย นักแสดงสาวคนนี้ผมไม่ค่อยได้เห็นในหนังเท่าไร เห็นเธอเล่นหนังใหญ่ใน Quarantine แต่ที่ทำเอาเธอดังพลุแตกก็ต้องทีวีซีรีส์สุดจิตในเรื่อง Dextor ครับ พูดถึงบทบาทของ Emily ในเรื่องนี้ไม่ค่อยจะมีบทพูดแต่ลีลาการ Acting ของสาวน้อยคนนี้ผมว่า อนาคตไกลแน่ๆ ครับ สำหรับลุง Tom นั้นไม่ต้องห่วงครับ แกแสดงหนังมาเพียบ ประสบการณ์สุดยอดอยู่แล้ว…
สุดท้ายนี้ ก็อย่างให้เพื่อนๆ ลองไปหาชมดูครับ หนังในแนว Thriller/Horror ที่ทำออกมาเป็น Drama ได้อย่างสมบูรณ์แบบทีเดียว การเอาเรื่องผีสางนางไม้มาพิสูจน์กันบนบัลลังก์ศาลนั้น เป็นสิ่งที่น่าดูชมครับ อย่างที่ตอนท้ายของเรื่องได้กล่าวไว้ว่า…คดีทั้งหมดที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องของพระเจ้า ใครก็ตัดสินไม่ได้…
“หาทางพ้นบาปด้วยตัวคุณเอง…ด้วยความกลัว และ สั่นไหว”
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 5.00 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies D - F Tagged with: The Exorcism of Emily Rose, รีวิวหนัง The Exorcism of Emily Rose, รีวิวหนังสยอง, หนัง Exorcism, หนังตระกูล Exorcism
Evil Dead Trap (1988)
Shiryo no wana
นำแสดง: Miyuki Ono (Nami Tsuchiya), Aya Katsuragi (Masako Abe), Hitomi Kobayashi (Rei Sugiura), Eriko Nakagawa (Rya Kawamura), Masahiko Abe (Akio Kondou), Yuji Honma (Daisuke Muraki)
กำกับ: Toshiharu Ikeda
เขียนบท: Takashi Ishii
ประเภท: Horror / Porn Psycho
เรื่องย่อ…
Nami พิธีกรในรายการ Late Night With Nami ได้รับวิดีโอเทปลึกลับ..เธอเปิดดู และต้องพบกับ Home Video ในลักษณะของ Snuff Film เธอเห็นภาพการ ทารุณหญิงสาวคนหนึ่งอย่างโหดเหี้ยมอำมหิตเกินกว่าที่มนุษย์ธรรมดาจะทำได้
เธอจึงให้เพื่อนร่วมงานของเธอได้ดูและพยายามจะไปตามหาต้นตอที่มาของวิดีโอ เรื่องราวความสยองเกิดขึ้นเมื่อ Nami และเพื่อนตามไปจนถึงโรงงานร้างที่ดูเหมือน ภาพที่ถ่ายในวิดีโอ เขาและเพื่อนๆ แยกย้ายออกไปสำรวจสถานที่ โดยที่ไม่รู้ว่า มีใคร คอยจ้องมองพวกเขาอยู่ และคอยฆ่าพวกเขาทีละคน ทีละคน…
คำจำกัดความของ Evil Dead Trap 1
“เซ็กส์ เพี้ยน วิปริต โรคจิต บ้าคลั่งและรุนแรง” คำจำกัดความของ Evil Dead Trap 1 นี้เป็นการผสมความรุนแรง ทรมาน ทารุณ โหดร้ายในแบบของซีรีย์ Guinea Pig แต่ทว่า ผู้กำกับ Toshiharu Ikeda และคนเขียนบท Takashi Ishii เติมใส่ เรื่องราวของเซ็กส์เข้าไปในเรื่องอย่างโจ่งครึ้มและจงใจ นอกจากนี้ยังวิปริตแต่งเติม เรื่องราวให้เพี้ยนเกินกว่าจะจินตนาการในตอนจบของหนังได้เลย
สไตล์การแต่งตัว…
ชายหนุ่ม หญิงสาวญี่ปุ่นในยุค 80’s ตอนปลายที่แต่งตัวในสไตล์โบราณร่วมสมัย กระโปรงยาว ผมตั้งกระบัง ฟูฟ่อง และผมสอยเข้ารูปราวสาวมัธยมต้นน่ารักคิกขุ กับ หนุ่มที่ใส่แว่นตากรอบดำใหญ่ๆ ใส่กางเกงฟิตๆ เสื้อแจ็กเก็ตกีฬาทับดูทะมัดทะแมง ใครได้ดูเรื่องนี้แล้วคงจะนึกภาพออกครับ ใครอยากดูหนัง Horror / Porn Psycho ใน แบบปลายยุค 80’s ก็น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว
รุนแรง ซาดิสต์ สะใจคือหนังโหดหรือไม่ ?!?!
คงจะสนองได้ในระดับหนึ่งครับ คงไม่ถึงกับหยีกันเลยทีเดียว มันมีทั้งฉากความโหด วิธีฆ่าในรูปแบบต่างๆ จนถึงฉากร่วมเพศกันอย่างถึงพริกถึงขิง ผมได้อ่านดูจากปก เห็นว่า ทั้งผู้กำกับและผู้เขียนบท ทั้งคู่เขียนฝึกงานในตำแหน่งผู้ช่วยผู้กำกับหนังโป๊มาแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เวลาฉากร่วมเพศถึงได้ใช้มุมกล้องในแบบเดียวกับที่หนังโป๊ใช้เลย เรียกว่าเข้าถึงบทบาทจริงๆ นอกจากนี้ผมได้อ่านข้อมูลจากเว็บของทางญี่ปุ่น เห็นว่านักแสดงบางคนก็เป็นดาราหนังโป๊ในยุคนั้นด้วย (ไม่รู้จริงหรือเปล่านะครับ) กลับมาเรื่องของความรุนแรง ซาดิสต์ กันต่อครับ อย่างที่บอกไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า มันมีความ เพี้ยน วิปริต แฝงอยู่อย่างที่คุณคาดไม่ถึงในตอนจบ ย้ำครับ “เพี้ยน วิปริต” ไม่ใช่ความรุนแรง ผมว่ามันเป็นสไตล์ของหนังญี่ปุ่นเหมือนกันครับ ที่ในตำนานจะมีพวก ปีศาจ หรือพวกตัวประหลาดแปลกๆ อยู่ด้วยเสมอ ในเรื่องนี้ก็เช่นกัน ไม่เล่าละกัน ใครสนใจ ลองไปเสาะหาดูกันเองดีกว่า
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 4.00 / 6.00
ยกตัวอย่างหนังสุดอื้อฉาว และรุนแรงสุดขั้วที่คอซาดิสต์ห้ามพลาด…
– Wet Rope ฉากเซ็กส์เต็มเรื่อง แม่ชี ถูกทรมานด้วยการร่วมเพศอย่างสุดขั้ว เรียก ได้ว่าเรื่องนี้อื้อฉาวมากตอนที่ถูกนำมาจำหน่าย มันเป็น Porn Psycho อย่างเต็มขั้น เส้นแบ่งความแตกต่างระหว่างหนังโป๊คลาสสิกที่มีภาพของแม่ชีร่วมเพศ กับการ ทรมานในแบบวิปลาสที่คอซาดิสต์ห้ามพลาด
– The Abomination ชื่อเรื่องก็บ่งบอกถึงความน่าชังสุดจังไรตามสไตล์ของ Japan Shock กันแล้ว หนังฝรั่งเรื่องนี้มีทั้งสัตว์ประหลาดน่าเกลียดเหนือคำบรรยาย ฉากปาดคอ ตัดแขน กลวิธีสังหารโหดในทุกรูปแบบ เลือด เลือด เลือด มันเป็นหนัง Gore สุดคลาสสิกอีกเรื่องที่ผมโปรดปรานเลยทีเดียว
– Guts of a Virgin เข้าใจตั้งชื่อเรื่องได้น่าสนใจทีเดียว Guts of a Virgin เห็นชื่อ แล้วอยาก “Gut” กันมั้ยครับหนุ่มๆ เหอ เหอ…หนังเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่มาในแนวหนัง โป๊นั่นแหละครับ แต่ทว่ามันไม่ใช่หนังโป๊ธรรมดาสิครับ มันมีส่วนผสมของ Horror / Sadist เข้ามาด้วย ฉากร่วมเพศไม่เท่าไร แต่ไอ้ฉากไล่ล่าสังหาร ตัดท่อนแขนมา ช่วยสำเร็จความใคร่ให้อะไรทำนองนี้แหละ เหนือคำบรรยายอ่ะ…
มีอีกหลายเรื่องครับ อย่าง All Night Long 1 & 2 & 3 ก็เจ๋งไม่น้อย ไว้จะเอามารีวิว ให้อ่านกัน…ติดตามต่อในชุมชนฟิล์มสยองครับ
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies D - F Tagged with: ตระกูลหนัง Evil Dead Trap, ผู้กำกับ Toshiharu Ikeda, รีวิวหนัง Evil Dead Trap (1988), รีวิวหนังสยอง, หนังญี่ปุ่นโหด โรคจิต, หนังสยองขวัญญี่ปุ่น, เขียนบท Takashi Ishii
Eraserhead (1977)
Gardenback
นำแสดง: Jack Nance (Henry Spencer as John Nance), Charlotte Stewart (Mary X), Allen Joseph (Mr. X), Jeanne Bates (Mrs. X), Judith Anna Roberts (Beautiful Girl Across the Hall), Laurel Near (Lady in the Radiator), V. Phipps-Wilson (Landlady in long version), Jack Fisk (Man in the Planet), Jean Lange (Grandmother), Thomas Coulson (The Boy), John Monez (Bum), Darwin Joston (Paul), Neil Moran (The Boss), Hal Landon Jr. (Pencil Machine Operator), Jennifer Chambers Lynch (Little Girl as Jennifer Lynch)
กำกับและเขียนบท: David Lynch
ประเภท: Fantasy / Horror / Drama
เพี้ยน ชวนฝันร้าย ขนลุก กับความหดหู่สุดอนาท ในจินตนาการของ David Lynch (Twin Peaks, Lost Highway, Darkened Room) ผู้กำกับชื่อดังที่สร้างผลงานอินดี้สุดคลาสสิก สุดคัลต์ไว้ในปี 1977 กับพล๊อตเรื่องสุดอินดัสเตรียล ดราม่า กดดัน สยอง เซ็กส์ และหนังที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ต่างๆ มากมายที่ให้เราชวนคิด ชวนจิตนาการได้เหลือเฟือ
Lynch เปิดฉากเริ่มต้น จากภาพของ Henry Spencer (Jack Nance) ล่องลอยอยู่ในความฝัน ในจินตนาการพร้อมปล่อยเจ้าตัวสเปิร์มออกมาจากปาก โดยมีชายผู้ต้องคอยสังเกต ตรวจตรา ดูแลสเปิร์มที่แข็งแรงที่สุดที่จะปล่อยให้เข้าไปสัมผัสในรังไข่ได้ ก่อนที่จะเข้าสู่เรื่องราวในชีวิตจริง Henry อาศัยอยู่ในเมืองอุตสาหกรรมที่เต็มไปด้วยเครื่องจักรหนัก ภาพหม่นหมองของสภาพแวดล้อม บรรยากาศ เต็มไปด้วยความหดหู่ กดดัน รวมทั้งภายในอพาร์ตเม้นต์ของ Henry ด้วย สิ่งสวยความเพียงอย่างเดียวก็คือ สาวสวยที่อยู่ตรงข้ามห้องของ Henry นั่นเอง Henry มีแฟนสาวชื่อ Mary เขาต้องไปพบครอบครัวของ Mary เพื่อเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่า Henry ทำให้ Mary ท้อง และกำลังจะเป็นพ่อคน
Mary ย้ายมาอยู่ในห้องเดียวกับ Henry พร้อมทั้งดูแลลูก ลูกที่ไม่ใช่เด็กธรรมดา แต่มันเป็นเด็กกลายพันธุ์ที่ไม่สามารถระบุเผ่าพันธุ์ได้ เด็กประหลาดที่ร้องเสียงโหยครางอยู่ตลอดเวลา ทำให้ Mary ไม่สามารถทนอยู่ได้อีกต่อไป เธอกลับไปอาศัยอยู่กับพ่อแม่ ทำให้ Henry ต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่อยู่ตรงหน้าเพียงลำพัง
นอกจาก Henry จะพบกับเด็กประหลาดที่เป็นลูกของเขาเองแล้ว เขาเองยังได้ยินเสียงร้องเพลงของสาวเสียงสวยที่ออกมาจากเครื่องฮีตเตอร์ในห้องของเขาอีกด้วย เสียงของสาวที่ร้องเพลงชวนฝันถึงสวรรค์ให้กำลังใจ Henry อยู่ตลอดเวลา ในตอนท้ายของเรื่องคุณจะได้พบกับจินตนาการสุดเพี้ยนของ Lynch ที่บอกให้เห็นถึงที่มาของชื่อเรื่อง “Eraserhead” หรือ “ไอ้เจ้าหัวยางลบ” ไอ้หัวของ Henry นี่แหละถูกนำไปผลิตเป็น หัวยางลบดินสอ จนกลายมาเป็นที่มาของชื่อเรื่องครับ
นี่เป็นจินตนาการของผมหลังจากที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ หากเพื่อนๆ ได้ลองดู ก็อาจจะจินตนาการออกไปได้ในแบบของท่านเอง…
หนังเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ครับ ทำให้ใครที่อยากจะดูเรื่องนี้ ควรที่จะตั้งใจดูครับ ไม่งั้นจะพาหลับ หรือไม่ก็มึนงงไปกับเนื้อหาของ Lynch ได้ง่าย ๆ หนังมีแต่ความมืดหม่นด้วยซาวดน์ ภาพ บรรยากาศแวดล้อม ยิ่งถ่ายทำออกมาเป็นหนังขาว – ดำด้วยแล้ว ภาพหลอนที่เกิดในทุกๆ ฉากนั้นง่ายที่จะถูกจดจำฝังหัวของท่านไปได้อีกนาน
ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่า Lynch ต้องการที่จะสื่อให้เห็นภาพความเป็นจริงของสังคมในยุคอุตสาหกรรมในยุค 70 ‘s หรือไม่ แต่ผมเห็นเป็นแบบนั้น ยุคอุตสาหกรรมเฟื้องฟูในอเมริกาช่วงปี 70 – 80 ทำให้สภาพความเป็นจริงของสังคมอเมริกันเต็มไปด้วยความกดดัน หม่นหมอง ในแบบที่คุณเห็นใน Eraserhead ย้ำเน้นด้วยประโยคในเนื้อเพลงที่สาวจากเครื่องทำความร้อนในห้องของ Henry ที่ร้องด้วยเสียงสวยๆ กับเนื้อหาที่คอยบอกย้ำว่า “In heaven, Everything is Fine…In heaven, Everything is Fine”
คุณล่ะ…พร้อมที่จะเลือกทางเดินในสังคมอุตสาหกรรมแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบันแล้วหรือยัง
แล้วคุณจะเดินไปทางไหนดี…
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 5.50 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies D - F Tagged with: รีวิว Eraserhead, รีวิวหนัง fantasy horror, รีวิวหนังสยอง, หนังของ David Lynch
Eat The SchoolGirl (1997)
Eat the School Girl : Osaka Telephone Club
Kogyaru-gui: Oosaka terekura hen
นำแสดง:Kozue Aoki, Yuuki Fujita, Nobuyuki Hasegawa, Michiru Kato, Tadao Kawamoto, Shiro Misawa, Tsuyoshi Ootsubo, Kenji Sugawara, Dan Takebashi, Maria Yamazaki, Naoki Yokota, Tetsuya Yuuki
กำกับ: Naoyuki Tomomatsu
เขียนบท: Chisato Oogawara (screenplay) และ Naoyuki Tomomatsu (screenplay)
ประเภท: Horror/Erotic/Porn Gore Flick/Psycho
*** เด็กอายุต่ำกว่า 18 ไม่ควรดูครับ ***
เรื่องย่อ…
ภาพยนตร์ที่ว่าด้วยเรื่องราวของสองหนุ่มที่ทำงานอยู่ในแก๊งค์ยากูซ่าที่ชื่นชอบชำเราหญิงสาว พร้อมถ่ายทำเป็นวีดีโอในลักษณะของ Snuff Film หนุ่มคนหนึ่งนั้น มีบุคลิกลักษณะนิยมเรื่อง ทางเพศเป็นชีวิตจิตใจ เรียกได้ว่า เพศขึ้นสมองก็ว่าได้ ส่วนหนุ่มอีกคนนั้น มีพฤติกรรมติดการเล่น Sex Phone เป็นชีวิตจิตใจ เรื่องราวสุดวิจิตรจากการจินตนาการถึงตัวตนของนางฟ้าที่พวก เขาได้พบเจอ และนางฟ้าตนนี้แหละเป็นผู้กำหนดให้ หนุ่มออกไปล่า…เหยื่อ…ด้วยวิธีการสุด วิตถารจนหาที่ติไม่ได้…เขาจะพยุดพฤติกรรมแบบนี้ได้หรือไม่ ติดตามกัน
Sex , Rape , Serial Killer & Sadistic Killer!!!
หนังญี่ปุ่นอีกเรื่องที่นำเรื่องราวของ Sex และความรุนแรงในสังคมที่เต็มไปด้วยผู้คนป่วยทาง จิต! จะว่าไปแล้วคนที่ดูเฉพาะ trailer อาจจะคิดว่า นี่เป็นแค่หนังโป๊ ซาดิสต์ ที่เต็มไปด้วยความ รุนแรง การทรมาน และเลือด! แต่จริงๆ แล้วจะว่าไป นี่ก็เป็นหนังที่ไม่ได้ขายแค่ความน่ารักของ นางฟ้าในเรื่อง (โคตรน่ารัก^^) และความร้อนแรงในบทการร่วมเพศที่ดูแล้วอารมณ์มันขึ้นดี เหลือเกิน (ย้ำนะครับ ! เด็กอายุต่ำกว่า 18 ไม่ควรดูหนังเรื่องนี้อย่างยิ่ง เพราะทุกฉากมันออกเป็น Reality มากๆ) แต่หนังยังขายในเรื่องของบทภาพยนตร์ และมุมกล้องในลักษณะของ Reality show พร้อมกับการตัดภาพไป – มาให้เห็นถึงความเป็นมา และเหตุต้นตอทั้งหมดที่ทำให้ตัว ละครในเรื่องมีพฤติกรรมอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน
…มาแนะนำฉากเด็ดๆ กันเช่นเคย…
– เปิดฉากด้วยพฤติกรรมของหนุ่มที่ติด Sex Phone ภาพตัดไป-มา ระหว่างหนุ่มผู้ใช้บริการ และนักเรียนสาวที่กำลังใช้สำเนียงสุดกระตุ้นอารมณ์ทางเพศพูดผ่านหูโทรศัพท์ หล่อนเริ่มเร้า โลมตัวเองด้วยมือ ไปจนถึงการใช้ปากกาเมจิกด้ามโตยัดใส่น้องสาวอย่างเมามันได้อารมณ์ ฉาก เปิดที่สร้างโลกจินตนาการอารมณ์ เสียง และสัมผัสที่แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรม Phone Sex Addict ได้อย่างเด่งชัด
– มีในหลายๆ ฉากที่โหด เหี้ยม และซาดิสต์ผิดมนุษย์ กับพฤติกรรมของไอ้หนุ่มที่ชอบแต่งตัวใน ชุดของนักเรียนหญิง (ตอนที่ออกไปล่าเหยื่อผู้ชาย) ที่ชอบใช้กำลังทุบตีจนอ้วก ทะลัก ใช้มีด ปาดคอ กระซวก กระหน่ำแทง กรีดเนื้อเหยื่อจนถึงกับจุดสุดยอด ในขณะที่หากเหยื่อเป็นผู้หญิง มันจำร่วมเพศอย่างสุดเหวี่ยง ก่อนลงมือฆ่าอย่างโหดเหี้ยมก่อนที่จะหลั่งน้ำกามออกมารดเหยื่อ ผู้มีลมหายใจแผ่วเบา (ฉากก่อนจบ มีการฆ่าสาวคนหนึ่งด้วยการใช้มีดกรีดตั้งแต่ท้องน้อยไปจน ถึงหน้าอก จนไส้เหยื่อหลุดออกมา เหยื่อทุรนทุรายเก็บไส้ยัดใส่ท้องอย่างเอาเป็นเอาตาย ก่อนที่ ไอ้หนุ่มซาดิสต์จะใช้มีดแทงปากทะลุหัวสมอง)…พฤติกรรมสุดวิตถาร โรคจิตของการสำเร็จ ความใคร่โดยการฆ่า ฆ่า และก็ฆ่า!
– การถ่ายภาพวิดีโอในลักษณะของ Snuff Film ในการข่มขืน ชำเราทางเพศ จนเหยื่อผู้เป็น หญิงหมดแรง ก่อนที่จะลงมือกระทำในลักษณะทุกวิธีการวิตถาร อาทิ การลงมือทุบตีแบบไม่ยั้ง การลงแขก ไปจนถึงการใช้เข็มฉีดยาอันยักษ์ (เท่าท่อนแขน) ฉีดทะลวงไปที่รูทวารหนักของ หญิงผู้เป็นเหยื่อ จนขี้ทะลัก!!!
ผลงานการกำกับเรื่องแรกของ Naoyuki Tomomatsu ก่อนที่จะมาโด่งดังและเป็นที่รู้จัก ในหนังเรื่อง Stacy ในปี 2001 (หรือชื่อเต็มคือ Stacy : Attack of the schoolgirl zombies ที่จำนำมาแนะนำในครั้งต่อไปครับ) พูดถึง Eat the Schoolgirl หนังเรื่องนี้ สิบกว่าปีมาแล้วครับ ตั้งแต่ปี 1997 โน่น ใครจำได้บ้างมั้ยครับว่า ในช่วงกลาง ถึงปลายยุค 90’s มีหนังเรื่องไหนเล่นเรื่องราวเกี่ยวกับ Snuff Film บ้าง…สำหรับใครที่ชื่นชอบหนังเกรดบี หนัง ใต้ดิน พวก V-Cinema หนังจำพวกที่ไม่ได้เข้าโรงนำลงสู่วีดีโอ คงจะพอนึกออกได้เยอะ เหมือนกันนะครับ เพราะช่วงเวลานั้น เป็นช่วงที่ผู้กำกับหนังหลายคนนำเรื่องราวเกี่ยวกับ Snuff Film มาถ่ายทอดกันในภาพยนตร์ด้วย ถึงขนาดหนังที่เข้าโรงฉายมีดารานำชื่อดังอย่าง Nicolas Cage ในบทของนักสืบ Tom Welles (ใครจำได้บ้าง) ในหนังเรื่อง 8MM หนังที่ออกฉายกันในปี 1999 ยังเล่นกับเรื่องราวของ Snuff Film กันด้วย Eat the Schoolgirl ก็เช่นกันครับ นอกจากจะมี theme หนังออกไปในทางหนังโป๊แล้ว ยังแฝงเรื่อง ราวของ Snuff Film ที่ถูกถ่ายทำโดยยากูซ่าที่ชื่นชอบการทรมาน ร่วมเพศ สุดซาดิสต์ นอก จากนั้น หนังเรื่องนี้ยังถ่ายทอดด้วยมุมกล้อง การตัดต่อภาพ และการลำดับภาพที่ทำออกมาใน ช่วงยุคนั้น ได้อย่างน่าดู และไม่ถือว่า นำเรื่องเพศมาเป็นจุดขาย จนลืมใส่ความสยดสยอง โหด ร้าย ทารุณลงไปด้วย…
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 4.00 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies D - F Tagged with: ผู้กำกับ Naoyuki Tomomatsu, ผู้กำกับ Stacy หนังญ๊่ปุ่น, รีวิวหนังญี่ปุ่นโรคจิต, รีวิวหนังสยอง, รีวิวหนังโหดญี่ปุ่น, หนังญี่ปุ่นโรคจิต
Dumplings: Three…Extremes (2004)
เกี๊ยวอาถรรพ์
นำแสดง: Bai Ling, Miriam Yeung และ Tony Leung Ka-Fai
กำกับ: Fruit Chan Gor
เขียนบท: Fruit Chan, Lilian Lee
โปรดิวเซอร์: Peter Chan Ho-Sun
ประเภท: Horror
“ถ้าคุณจำได้…ความกลัวนั้น กำลังจะกลับมาอีกครั้งใน…ฉบับสมบูรณ์” “เกี๊ยวอาถรรพ์” ภาพยนตร์หนึ่งในสามเรื่องของ Three…extremes นี่คือภาพยนตร์เรื่องเต็มความยาว 90 นาที ที่แฟนหนัง Horror ได้เสพกันอย่างเต็มอิ่มแน่นอน จากเรื่องสั้นของ Lillian Lee ทางผู้กำกับ Chan Gor และ โปรดิวเซอร์ Peter Chan นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เขย่าขวัญที่นำเรื่องใกล้ตัวของคนทั่วไป ก็คือเรื่องของอาหาร ความสวยงาม จนถึงอารมณ์ความอยากสาวสองพันปีของผู้หญิงทั่วโลก งานนี้ได้นักแสดงฝีมือระดับคุณภาพอย่าง Miriam Yeung และนักแสดงหญิงชาวเอเชียที่ไปโด่งดังในฮอลิวู้ดอย่าง Bai Ling มาร่วมโชว์ฝีมือการแสดงอย่างเต็มที่
…ว่ากันด้วยเรื่องราวของผู้หญิงที่ต้องการรักษาความสาวสวยให้อยู่คงทนถาวรตลอดไป ซึ่งแน่นอนในความเป็นจริงคงไม่อาจจะทำเช่นนั้นได้ “กิง” อดีตดาราสาวสวยรุ่งเรืองเจิดจรัสในวงการมายา ก็มีความต้องการเช่นนั้นเหมือนหญิงสาวอื่นทั่วไป อยากที่จะรักษาความสาวเอาไว้ เพื่อมัดใจสามีมหาเศรษฐีจอมเจ้าชู้ที่ไม่เคยพอในเรื่องตัณหาราคะ…ดังนั้นเธอจึงยอมทำทุกวิถีทางเพื่อเหนี่ยวรั้งสามีของเธอไว้ไม่ให้ไปหาหญิงอื่น และนี่แหละ คือที่มาของอาหารเพื่อรักษาความสาว…เกี๊ยว…คือเมนูอาหารดังกล่าวนั่นเอง
ต้องยอมรับว่า ครั้งแรกที่ได้ดูหนังเรื่องนี้จากหนึ่งในสามเรื่องของ Three Extremes Dumpling แล้ว เนื้อเรื่องยังไม่เคลียร์ และการตัดต่อภาพยังดูไม่ลื่นไหลเท่าที่ควร ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ถูกทำให้เคลียร์ และลื่นไหลจากหนังภาคเต็มเรื่องนี้ การตัดต่อภาพโดยรวมนั้นถูกใจผมเป็นที่สุดสำหรับเรื่องนี้ การวางโครงสร้างเนื้อเรื่อง รวมถึง เนื้อหาที่คิดไม่ถึงว่าภาคเต็มเรื่องราวจะออกมาเป็นแบบนี้ ผมว่าเนื้อหาสำคัญๆ หลายส่วนถูกเฉลยกันก็ในหนังภาคเต็มนี่แหละ…ผมคงไม่เล่าเนื้อเรื่องอะไรให้มากมาย อยากให้ไปซื้อหามาดูกันเองมากกว่า บอกใบ้ไว้สักนิดละกันว่าในภาพยนตร์เต็มเรื่องนี้ คุณจะคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องอายุของ ป้าเหมย (ไป่หลิง), สัมพันธ์สวาทจากฉากอันสุดร้อนแรงของมิสเตอร์ หลี่ กับป้าเหมย จนถึงชะตากรรมสุดท้ายกับบันทึกของมาดาม หลี่ ถวิลหาความสาว (มีเรียม เหยิง)
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลม้าทองคำครั้งที่ 41 ปี 2004 ในรางวัลตัวประกอบหญิงยอดเยี่ยม (Bai Ling) รวมทั้งยังถูกเสนอชื่อในรางวัล Best Director (Fruit Chan Gor), Best Editing (Tin Sam-Fat, Chan Ki-Hop) และ Best Make-up and Costume Design (Hai Chung-Man, Pater Wong) นับเป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมของภาพยนตร์เรื่องนี้ ใครยังไม่เคยดูหรืออาจจะเคยดูมาแล้วใน Three Extremes ผมขอแนะนำว่าแฟนหนังสยองห้ามพลาดกันเลยครับ
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 4.50 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies D - F Tagged with: three extremes หนัง, รีวิวหนัง Dumpling, รีวิวหนังสยอง, หนังสยองขวัญ, เกี๊ยวอาถรรพ์ หนัง
Seconds Apart (2011)
Seconds Apart – Blood Brothers
กำกับ: Antonio Negret
เขียนบท: George Richards
นำแสดง: Orlando Jones (Detective Lampkin), Edmund Entin (Jonah), Gary Entin (Seth), Samantha Droke (Eve)
เรื่องย่อ: จากการตายหัวเบะด้วยการเล่น Russian Roulette ของนักเรียนไฮสกูลสี่คนในงานปาร์ตี้ ทำให้นักสืบ Lampkin เข้ามาสืบหาความจริงว่าเป็นการฆ่าตัวตายหมู่หรือฆาตกรรม จากการสอบปากคำนักเรียนที่ร่วมสนุกเมามันอยู่ในงานปาร์ตี้ดังกล่าว มีนักเรียนหญิงคนหนึ่งพูดถึง Jonah และ Set Trimble ฝาแฝดที่ถือกล้องวีดิโอเข้ามาถ่ายในงานด้วย จุดเริ่มต้นที่ทำให้นักสืบ Lampkin ต้องทำการสืบหาข้อเท็จจริงจากฝาแฝด ด้วยเพียงคิดว่าอยากจะได้ภาพวีดิโอที่ถ่ายในงานซึ่งอาจเป็นหลักฐานสำคัญในการคลี่คลายคดีนี้…แต่สิ่งที่นักสืบ Lampkin พบ ไม่ใช่เพียงเท่านั้น
ยิ่งสืบ ยิ่งพบว่าฝาแฝดนั้นมีความสามารถในการติดต่อกันทางกระแสจิต ที่เมื่อไรก็ตามที่ทั้งสองคนประสานมือกัน พวกเขาสามารถบังคับจิตใจให้ใครทำอะไรก็ได้ ในขณะที่ฝาแฝดทั้งสองกำลังสนุกสนานในการ “เลือก” และ “ล่า” เหยื่อ Jonah แฝดฝาหนึ่งก็เริ่มสร้างความสัมพันธ์กับนักเรียนสาว “Eve” ผู้ซึ่งเริ่มเข้ามาซึมซับและสร้างให้พี่น้องฝาแฝดแยกออกจากกัน เมื่อ Set แฝดอีกฝารู้สึกแค้นที่สาวน้อยคนนี้จะมาพราก Jonah ไป เหตุการณ์ชิงรักหักเหลี่ยมสยองเลือดสาดจึงได้เริ่มต้นขึ้น
แฝดนรก…จกเปรต
Seconds Apart หนังสยองที่เกี่ยวกับ “แฝด” ทำให้นึกถึง “แฝด” หนังสยองของไทยว่าจะทัดเทียม ฟัดกันได้หรือไม่ แม้พล๊อตเรื่องจะแตกต่างกัน แต่ทั้งสองเรื่องก็เล่นกับเนื้อหาเชิงจิตวิทยาอย่างสนุกสนาน
ต้องยอมรับว่า Seconds Apart ทำออกมาได้สนุกและน่าติดตาม ทั้ง การถ่ายทำ มุมมองกล้อง และแสงช่วยขับให้หนังเรื่องนี้สมบูรณ์มากขึ้น ส่วนความสยองนั้นไม่ต้องถามหา เพราะมันมาตั้งแต่นาทีแรกของหนัง หลังจากนั้นก็ประเดประดังฉากความรุนแรง จิตป่วน แอบโหดอยู่ตลอดทั้งเรื่อง แต่ต้องบอกเลยครับว่ามันไม่ได้ฟุ่มเฟือยจนรู้สึกเอียน ดูได้ไปจนตัวหนังเริ่มคลี่คลายให้เราเห็นถึงเหตุและผล ความเป็นมาของแฝดนรก ทั้งนี้ ในเนื้อหายังแสดงให้เห็นถึงความเป็นมนุษย์ในมุมมองของความรัก โลภ โกรธ หลง ที่ช่วยให้หนังสยองเรื่องนี้มีเนื้อหา ไม่กลายเป็นหนังสยองเลี่ยนดาดๆ ทั่วๆ ไป
Seconds Apart หนึ่งในหนัง After Dark Originals ประจำปี 2011 ที่กอบกู้ความ “ยี้” ในชื่อเสียของ After Dark มาได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ…งานนี้แฝดนรกช่วยชีวิตแท้ๆ!
โดย ศร-รณ
Rating: 4.00 / 5.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies S - U Tagged with: 8 films to die for รีวิวหนัง, รีวิว Seconds Apart, รีวิวหนังสยอง, รีวิวหนังแฝดโรคจิต, รีวิวหนังโรคจิต
The Devil’s Backbone (2001)
El Espinazo del diablo
นำแสดง: Eduardo Noriega (Jacinto), Marisa Paredes (Carmen), Federico Luppi (Casares), Fernando Tielve (Carlos), Inigo Garces (Jaime), Irene Visedo (Conchita), Jose Manuel Lorenzo (Marcelo), Francisco Maestre (El Puerco as Paco Maestre), Junio Valverde (Santi), Berta Ojea (Alma), Adrian Lamana (Galvez), Daniel Esparza (Marcos), Miguel Ortiz, Juan Carlos Vellido, Javier Gonzalez (Owl as Javier Gonzalez Madrigal)
กำกับ: Guillermo del Toro
เขียนบท: Guillermo del Toro, Antonio Trashorras
ประเภท: Mystery / Horror / Thriller / Fantasy
– – What is a ghost?
A tragedy condemned to repeat itself time and again?
An instant of pain perhaps.
Somthing dead which still seems to be alive.
An emotion suspended in time.
Like a blurred photograph.
Like an insect taped in amber – –
เปิดเรื่องได้น่าสนใจทีเดียวสำหรับผลงานของ Guillermo del Toro ผู้กำกับชาวแม็กซิกัน ที่กำกับหนัง Horror สร้างชื่ออย่าง Cronos (1993), Mimic (1997) จนถึงเรื่อง The Devil’s Backbone, Blade II (2002), Hellboy (2004) และ The Labyrinth of the Faun (2006) เพื่อนๆ คงจะผ่านตา และคุ้นเคยกับหนังเรื่อง Blade II และ Hellboy กันไปบ้างนะครับ นั่งแหละ ฝีมือของ Guillermo del Toro เขาแหละ
The Devil’s Backbone เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงยุค 1939 ในยุคที่เรียกกว่าเกิดสงครามกลางเมืองในสเปน สามปีให้หลัง บ้านเมืองเริ่มสงบลง เนื้อเรื่องกล่าวถึงสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า หนึ่งในสถานที่ที่เคยถูกโจมตีด้วยระเบิดขนาดใหญ่มาแล้ว แต่มันด้าน ไม่ระเบิด และที่สำคัญ ไอ้ระเบิดดังกล่าวมันยังปักเป็นอนุสรณ์สถานอยู่ที่สถานที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้อยู่เลย
Carlos เด็กชายวันกำลังมีพัฒนาการ จำต้องมาอยู่ในสถานที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ด้วย เขาเริ่มรู้สึกแปลกๆ กับสถานที่แห่งนี้ จนวันหนึ่งสิ่งที่เรียกว่า “One who sighs” ก็ปรากฏตัวให้เขาเห็น…นั่นคือ ผีเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ที่ชื่อ Santi เด็กผู้ถูกฆ่าจากบุคคลภายในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ ผู้ต้องการชำระแค้นที่เกิดขึ้นในคืนแห่งสงคราม!
หนังลึกลับด้วยกลิ่นอายความเป็นหนัง ‘ผี’ เต็ม ๆ ไม่ใช่หนังปีศาจ หนังสัตว์ประหลาด หรือหนังซอมบี้ นี่เป็นหนังผี ที่วิญญาณวนเวียนเต็มไปด้วยความแค้นที่ยังไม่ได้ล้าง! การถ่ายทำมุมกล้อง การตัดต่อ ทำได้ชวนระทึกตลอดเวลา เป็นหนังย้อนยุคอีกเรื่องที่ทำออกมาได้ไม่น่าเบื่อเลย หนังเรื่องนี้ถูกนำไปเปรียบเทียบกับ The Others หนังในปีเดียวกันที่ทำออกมาได้บรรยากาศของ ‘ผี’ จริงๆ เหมือนกัน ใครชอบแบบไหน ก็แล้วแต่ละคนจะพิจารณาดูกันเอาครับ
แต่ เอ๊ะ!…ห้าปีต่อมาหลังจากเรื่องนี้ออกฉาย หลายๆ ส่วนในหนังเรื่องนี้ ไปปรากฎให้เราคุ้นๆ ในหนังผีไทยเรื่องไหนนาา…เอาไปคิดกันดูครับ ^^
โดย ศร-รณ (ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating : 5.00 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies D - F Tagged with: ผลงานผู้กำกับ Guillermo del Toro, รีวิวหนัง The Devil's Backbone, รีวิวหนังผี, รีวิวหนังสยอง, รีวิวหนังสยองขวัญ, หนังผี The Devil's Backbone, หนังผีสยอง
The Dentist (1996)
นำแสดง: Corbin Bernsen (Dr. Alan Feinstone), Linda Hoffman (Brooke Feinstone), Michael Stadvec (Matt) , Ken Foree (Detective Gibbs)
กำกับ: Brian Yuzna
เขียนบท: Dennis Paoli, Stuart Gordon
ประเภท: Horror
คุณคิดยังไงกับการทำฟันบ้าง???
..สำหรับผม แค่คิดก็เสียวแล้ว นึกถึงเครื่องมือต่างๆ นานา รวมทั้งเสียงกรอฟันสะท้านประสาท แล้วมันชวนหลอนเสียยิ่งกระไร The Dentist ภาพยนตร์กระชากอารมณ์ความกลัว ความเสียว สยองในการทำฟันมาเล่นกับอารมณ์ความรู้สึกใกล้ตัวของคนดูได้อย่างน่าติดตาม
เนื้อเรื่องเริ่มต้นจากดอกเตอร์ไฟน์สโตน (Corbin Bernsen) หมอฟัน ผู้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน มีบ้านหลังโต และมีเมียสาวสวยสุดเพอร์แฟ็ก หนังเริ่มต้นด้วยดนตรีคลาสสิกบรรเลงประกอบการดำเนินเรื่องด้วยการเล่าเรื่องย้อนอดีตให้เห็นถึงที่มาของ The Dentist ไอ้หมอฟันโรคจิตที่(โคตร)รักษาความสะอาด จนทำให้ตัวเองกลายเป็นคนโรคจิต เห็นอะไรที่สกปรกไม่ได้จะต้องอารมณ์ขึ้นทันที จุดเปลี่ยนที่ทำให้ดอกเตอร์ไฟน์สโตนกลายเป็นหมอฟันโรคจิตแบบสุดขั้ว ก็มาจากเมียคนสวย (Linda Hoffman) ไปมีชู้กับเจ้าเด็กคนล้างสระน้ำ (Matt) โดยผู้กำกับ Brian Yuzna สร้างบุคลิกของ Matt ให้ขัดแย้งกับดอกเตอร์ไฟน์สโตนอย่างสุดขั้ว ระหว่างความสกปรกกับความสะอาด…เนื่องเรื่องคงไม่ต้องสาธยายให้มากเรื่อง หนังประเภทนี้คงเดาเนื้อเรื่องกันได้ไม่ยาก แต่สิ่งหนึ่งที่อยากให้ลองติดตามคือ การตัดต่อภาพ การใช้มุมกล้องที่ทำให้คนขวัญอ่อนปิดตา ไม่อยากเห็นภาพดังกล่าวได้ไม่ยาก รวมถึงประโยคต่างๆ ในเรื่องที่ค่อนข้างสร้างสรรค์บุคลิกของดอกเตอร์ไฟน์สโตนให้โรคจิตคลาสสิกได้อย่างลงตัว อาทิเช่น “I am an instrument of perfection and hygiene. The enemy of decay and corruption, a dentist…and I have a lot of work to do” แค่ประโยคนี้ประโยคเดียว ก็พอที่ทำให้เราเดาเรื่องต่างๆ ออกแล้ว
The Dentist อาจจะไม่ใช่หนัง Horror ที่มีความลงตัวมากมาย แต่ตัวหนังก็แสดงให้เห็นถึงความคลาสสิกของการดำเนินเรื่อง การทำให้คนดูจำส่วนต่างๆ ของหนังได้ โดยเฉพาะประโยคที่สร้างความแปลก สยองเจือความขบขันได้ นับว่าเป็นเรื่องที่น่าชมเชยของผู้เขียนบท อีกทั้งหนังเรื่องนี้ได้รับรางวัลถึงสองรางวัลคือ รางวัล Jury Grand Prize ของประเทศสวีเดนในงาน Sweden Fantastic Film Festival และ รางวัล Best Special Effects จากงาน Fantafestival
ผมคิดว่าคอหนัง Horror คงไม่พลาดเรื่องนี้แน่นอน สำหรับใครที่เพิ่งจะเริ่มดูหนังประเภทนี้ก็ลองไปหาหนังเรื่องนี้มาดูกันให้ได้ หนึ่งในหนังประเภทที่ขึ้นแท่นเป็นหนังคัลต์ตลอดกาล…
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 5.00 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies D - F Tagged with: ผลงานผู้กำกับ Brian Yuzna, รีวิวหนัง The Dentist, รีวิวหนังสยอง, สยองขวัญถอนฟัน