Pan’s Labyrinth (2006)
The Labyrinth of the Faun | Laberinto del fauno, El | อัศจรรย์แดนฝัน มหัศจรรย์เขาวงกต
นำแสดง: Ivana Baquero (Ofelia), Sergi Lopez (Capitan Vidal), Maribel Verdu (Mercedes), Doug Jones (Pan/Pale Man), Ariadna Gil (Carmen Vidal), Alex Angulo (Dr. Ferreiro), Manolo Solo (Garces), Cesar Vea (Serrano), Roger Casamajor (Pedro), Ivan Massague (El Tarta), Gonzalo Uriarte (Frances), Eusebio Lazaro (Padre – Father), Francisco Vidal (Cura – Priest as Paco Vidal), Juanjo Cucalon (Mayor), Lina Mira (Mayor’s Wife)
กำกับและเขียนบท: Guillermo del Toro
ประเภท: Drama / Fantasy / Thriller
หลังจากที่ Del Toro สร้างความประทับใจให้ผมไปไม่น้อยกับหนังเรื่อง The Devil’s Backbone (2001) และ ก็ต้องยอมรับว่ากับผลงานเรื่อง Blade II และ Hellboy ไม่ค่อยสะดุดต่อมน่าสนใจเท่าไร จึงขอผ่านไปแต่โดยดี…กลับมาอีกที คือ ผลงานของเขากับเรื่อง Pan’s Labyrinth “Dark Goth fairy tale” หม่นหมอง ย้อมความหดหู่ ในหัวใจได้สนิท…
เรื่องย่อ: สาวน้อยโอฟีเลีย ต้องเดินทางกับคุณแม่ท้องแก่เพื่อไปอยู่กับกัปตันวิดัล นายทหารผู้คอยปราบกบฏอยู่ในเขตชนบททางตอนเหนือของประเทศสเปน ตอนปี 1944 หลังการได้รับชัยชนะของฟรานโก ภาพแห่งสงครามการต่อสู้ระหว่างนายทหารกับกลุ่มกบฏกับชีวิตความเป็นอยู่ตามแบบของลัทธิฟาสซิสต์ จึงเป็นภาพสุดโหดร้ายในสายตาของสาวน้อยโอฟีเลีย
ในขณะโลกแห่งความเป็นจริงมีแต่ความโหดร้าย สาวน้อยโอลีเฟีย เธอได้สร้างโลกจินตนาการอันสวยงามของเธอเอง เพื่อจรรโลงใจ และหลีกหนีความโหดร้ายในโลกความจริง การดำรงชีวิตที่เต็มไปด้วยการต่อสู้…ความจริงหรือจินตนาการ ร่วมผจญภัยไปกับสาวน้อยโอฟีเลียได้ครับ…
อัศจรรย์แดนฝัน มหัศจรรย์เขาวงกต…หดหู่ ดำมืด สงคราม ความรุนแรง และโหด!
“อัศจรรย์แดนฝัน มหัศจรรย์เขาวงกต” ชื่อภาษาไทยของหนังเรื่องนี้ที่ผมว่า ตอนหนังเข้าโรงคงมีผู้ใหญ่หลายคนหลงพาเจ้าตัวเล็กเข้าไปดูไม่น้อยล่ะครับ ไม่แน่ใจเพราะทางการตลาดที่ต้องการจะเจาะกลุ่มลูกค้า พ่อ แม่ ผู้ใหญ่ จูงลูกหลานมาดูด้วยอีกกลุ่มหรือไม่ แต่ต้องขอเตือน คุณพ่อ คุณแม่ที่จะไปซื้อ DVD มาให้ลูกหลานดู เพราะนึกว่าเป็นหนังเทพนิยาย Fantasy น่ารักจุ๋มจิ๋ม เพลินเพลิดตระการตา หาไม่ได้ครับ…ยังไงขอเตือนไว้ก่อน พลาดไปซื้อมา แล้วจะมาด่าคนนำลิขสิทธิ์มาขายทีหลัง มันก็ไม่ถูกจริงมั้ยครับ…
แล้วไอ้เหตุผลที่ว่าทำไมเจ้าตัวเล็กถึงไม่ควรดู ก็เหมือนอย่างที่ผมจั่วหัวไปนั่นแหละครับ…”หดหู่ ดำมืด สงคราม ความรุนแรง และโหด!” หนังครบรสชาดความเป็น Thriller/Drama Fairy Tale ที่ใช้ความเป็น Dark Goth ด้วยภาพและเนื้อเรื่องเจ๋งๆ มาดำเนินได้อย่างเยี่ยมยอด ตั้งแต่บรรยากาศความตึงเครียดของชีวิตหลังสงคราม กบฏ ผู้จดจ้องจะกอบกู้อิสระภาพ และความเป็นธรรมในมุมมองของชนผู้น้อย ไม่รู้เฮีย Toro แกชื่นชอบบรรยากาศสงครามหรืออย่างไร เพราะเห็นหลายๆ เรื่องที่เป็นผลงานของ Toro มักชื่นชอบนำบรรยากาศในภาวะสงครามมาเป็นองค์ประกอบหนึ่งของหนังอยู่บ่อยๆ
นอกจากบรรยากาศหดหู่ในชีวิตจริงที่สาวน้อยโอฟีเลียต้องเผชิญกับการล้างเผ่าพันธุ์กบฏของพ่อเลี้ยง “กัปตันวิดัล” แล้ว สาวน้อยโอฟีเลียยังมีภาพชีวิตในฝันตามจินตนาการ และภาพที่เด็กน้อยคอยสร้างสรรจากเทพนิยายที่เธอชอบอ่านไม่ว่าจะเพื่อหลบหนีความจริงอันโหดร้าย หรืออย่างไรก็ตาม โลกแฟนตาซีของ โอฟีเลีย ใช่สดสวยงดงามอย่างที่เด็กคนอื่นนิยม ก็หาใช่ มันกลับกลายเป็นเทพนิยายหม่นหมอง อย่างตอนที่สาวน้อยโอฟีเลียนอนกอดคุณแม่ เอาหูแนบท้องกลมป่อง บอกเล่านิทานให้น้องชายในท้องฟังด้วยเรื่องของดอกกุหลาบที่เต็มไปด้วยหนามมีพิษ..(โอ้ว..ธรรมดาสักทีไหนล่ะ กับ บทที่เฮีย Toro แกเขียนเนี่ย)
ในฉากสุดท้ายที่เราได้ดูกัน คงเกิดคำถามว่า เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเป็นจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงจินตนาการของสาวน้อยโอฟีเลีย ที่เราเห็นภาพของกัปตันวิดัลยืนมองไปที่โอฟีเลียที่กำลังยืนคุยอยู่คนเดียว สิ่งนี้คงเป็นปมที่ Toro ทิ้งไว้ให้คนดูเอาไปคิดต่อสนุกๆ แต่ที่สำคัญหลังจากนี้คือ ฉากการเสียสละของโอฟีเลียให้น้องชายต่างบิดาที่เพิ่งคลอดลืมตาออกมาดูโลก..นั่นแหละคือสิ่งที่หนังหดหู่ มืดหม่นเรื่องนี้ กำลังสอนคนดูอย่างเรา ๆ
ส่วนเรื่องฉากโหดๆ นั้น มีให้เห็นอยู่ไม่กี่ฉากครับ แต่รับรองว่า ทำให้คุณเสียวท้องน้อยได้เลยแหละ
– ตั้งแต่กัปตันวิดัลเอาก้นขวดบรรจงทุบเข้าไปที่หน้าของชาวบ้านที่แกนึกว่าเป็นพวกกบฎ แต่ที่ไหนได้..นั่นเป็นชาวบ้านที่ออกมาล่ากระต่ายเท่านั้น (เฮีย Toro ตบมุขสุดท้ายเข้าไปที่การค้นกระเป๋าแล้วพบซากกระต่าย ก่อนที่จะบอกให้ทหารอีกนายตรวจตราสืบสวนให้ดีก่อน…เหตุการณ์นี้ เกิดหลังจากที่กัปตันฆ่าชาวบ้านทั้งสองคนตายแล้ว!)
– ฉากเจ้า Pale ปีศาจอีกตัวที่อยู่ใต้ดิน นำแสดงโดย โดก์ โจนส์ ที่คราวนี้ต้องมารับบทเป็นทั้ง Pale และ Faun (หรือ Pan เทพเจ้าผู้พิทักษ์แห่งเทือกสวนไร่น่าป่าเขา) ในฉากเมืองใต้ดินที่สาวน้อยโอฟีเลียทำผิดกฏ ดันไปกินผลไม้ที่ Faun สั่งห้าม ทำให้เจ้า Pale ตื่นขึ้นจากภวังค์ ในฉากนี้ สาวน้อยโอฟีเลียต้องสูญเสียแมลงนางฟ้า โดยเจ้า Pale จับแมลง นางฟ้ากัดกินอย่างเอร็ดอร่อย (ได้อ่านมาจากเว็บไซต์ว่า เบื้องหลังฉากนี้คือเจ้า Pale ต้องกัดกินถุงยางบรรจุเลือดสดๆ กัน เลยทีเดียว)
– ฉากการรักษาของหมอเฟอเรโร่ที่ต้องหั่นขาเพื่อรักษาชีวิตของกบฏ (ฉากนี้ มีเพียงไม่กี่วินาที แต่ให้อารมณ์หยองได้ไม่น้อยเลย)
– ภาพความเข้มแข็งของเมอร์เซเดส แม่บ้านสาวกบฏที่แฝงตัวมาอยู่กับกัปตันวิดัล จนเธอถูกกัปตันวิดัลจับได้ แต่ด้วยความเข้มแข็ง เธอใช้มีดสั้นหั่นครัว จิ้มแทงปาดเข้าไปที่หลังของกัปตัน ก่อนที่จะปักเข้าที่หน้าอก และจบลงด้วยเอาเอามีดปักเข้าไปในปาก แล้วปาดกระพุ้งแก้มขาดกระจุย..โอ้ว…เฮีย Toro ยังไม่หยุดแค่นั้น ภาพตัดมาที่การเยียวยาตัวเองของกัปตันวิดัลด้วยการใช้เข็มเย็บมุมปากที่ขาดแหว่งด้วยตัวเอง…รับรองซีดส์ไปตามๆ กันแน่ครับ เอาตัวอย่างไปอ่านเพลินๆ ก่อนไปซื้อหนังเรื่องนี้มาชำเราด้วยตัวท่านเองครับ
หนังได้รางวัลออสการ์ 3 รางวัลคือ Best Achievement in Art Direction (Eugenio Caballero (art director) และ Pilar Revuelta (set decorator)) , Best Achievement in Cinematography (Guillermo Navarro) และ Best Achievement in Makeup (David Marti, Montse Ribe) และนอกจากออสการ์ เฮีย Toro และพรรคพวกกวาดรางวัลอีกมากกว่า 50 รางวัลทั่วโลก!
** ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะไม่ดูหนังเรื่องนี้ครับ **
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 6.00 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies P - R Tagged with: ผลงานผู้กำกับ Guillermo del Toro, ผู้กำกับ Guillermo del Toro, รีวิวหนัง Pan's Labyrinth (2006), หนังอัศจรรย์แดนฝัน มหัศจรรย์เขาวงกต, เว็บหนังสยองขวัญ
The Devil’s Backbone (2001)
El Espinazo del diablo
นำแสดง: Eduardo Noriega (Jacinto), Marisa Paredes (Carmen), Federico Luppi (Casares), Fernando Tielve (Carlos), Inigo Garces (Jaime), Irene Visedo (Conchita), Jose Manuel Lorenzo (Marcelo), Francisco Maestre (El Puerco as Paco Maestre), Junio Valverde (Santi), Berta Ojea (Alma), Adrian Lamana (Galvez), Daniel Esparza (Marcos), Miguel Ortiz, Juan Carlos Vellido, Javier Gonzalez (Owl as Javier Gonzalez Madrigal)
กำกับ: Guillermo del Toro
เขียนบท: Guillermo del Toro, Antonio Trashorras
ประเภท: Mystery / Horror / Thriller / Fantasy
– – What is a ghost?
A tragedy condemned to repeat itself time and again?
An instant of pain perhaps.
Somthing dead which still seems to be alive.
An emotion suspended in time.
Like a blurred photograph.
Like an insect taped in amber – –
เปิดเรื่องได้น่าสนใจทีเดียวสำหรับผลงานของ Guillermo del Toro ผู้กำกับชาวแม็กซิกัน ที่กำกับหนัง Horror สร้างชื่ออย่าง Cronos (1993), Mimic (1997) จนถึงเรื่อง The Devil’s Backbone, Blade II (2002), Hellboy (2004) และ The Labyrinth of the Faun (2006) เพื่อนๆ คงจะผ่านตา และคุ้นเคยกับหนังเรื่อง Blade II และ Hellboy กันไปบ้างนะครับ นั่งแหละ ฝีมือของ Guillermo del Toro เขาแหละ
The Devil’s Backbone เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงยุค 1939 ในยุคที่เรียกกว่าเกิดสงครามกลางเมืองในสเปน สามปีให้หลัง บ้านเมืองเริ่มสงบลง เนื้อเรื่องกล่าวถึงสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า หนึ่งในสถานที่ที่เคยถูกโจมตีด้วยระเบิดขนาดใหญ่มาแล้ว แต่มันด้าน ไม่ระเบิด และที่สำคัญ ไอ้ระเบิดดังกล่าวมันยังปักเป็นอนุสรณ์สถานอยู่ที่สถานที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้อยู่เลย
Carlos เด็กชายวันกำลังมีพัฒนาการ จำต้องมาอยู่ในสถานที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ด้วย เขาเริ่มรู้สึกแปลกๆ กับสถานที่แห่งนี้ จนวันหนึ่งสิ่งที่เรียกว่า “One who sighs” ก็ปรากฏตัวให้เขาเห็น…นั่นคือ ผีเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ที่ชื่อ Santi เด็กผู้ถูกฆ่าจากบุคคลภายในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ ผู้ต้องการชำระแค้นที่เกิดขึ้นในคืนแห่งสงคราม!
หนังลึกลับด้วยกลิ่นอายความเป็นหนัง ‘ผี’ เต็ม ๆ ไม่ใช่หนังปีศาจ หนังสัตว์ประหลาด หรือหนังซอมบี้ นี่เป็นหนังผี ที่วิญญาณวนเวียนเต็มไปด้วยความแค้นที่ยังไม่ได้ล้าง! การถ่ายทำมุมกล้อง การตัดต่อ ทำได้ชวนระทึกตลอดเวลา เป็นหนังย้อนยุคอีกเรื่องที่ทำออกมาได้ไม่น่าเบื่อเลย หนังเรื่องนี้ถูกนำไปเปรียบเทียบกับ The Others หนังในปีเดียวกันที่ทำออกมาได้บรรยากาศของ ‘ผี’ จริงๆ เหมือนกัน ใครชอบแบบไหน ก็แล้วแต่ละคนจะพิจารณาดูกันเอาครับ
แต่ เอ๊ะ!…ห้าปีต่อมาหลังจากเรื่องนี้ออกฉาย หลายๆ ส่วนในหนังเรื่องนี้ ไปปรากฎให้เราคุ้นๆ ในหนังผีไทยเรื่องไหนนาา…เอาไปคิดกันดูครับ ^^
โดย ศร-รณ (ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating : 5.00 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies D - F Tagged with: ผลงานผู้กำกับ Guillermo del Toro, รีวิวหนัง The Devil's Backbone, รีวิวหนังผี, รีวิวหนังสยอง, รีวิวหนังสยองขวัญ, หนังผี The Devil's Backbone, หนังผีสยอง