The Exorcism of Emily Rose (2005)
นำแสดง: Laura Linney (Erin Bruner), Tom Wilkinson (Father Moore), Campbell Scott (Ethan Thomas), Jennifer Carpenter (Emily Rose), Colm Feore (Karl Gunderson), Joshua Close (Jason), Kenneth Welsh (Dr. Mueller as Ken Welsh), Duncan Fraser (Dr. Cartwright), JR Bourne (Ray)
กำกับ: Scott Derrickson
เขียนบท: Paul Harris Boardman, Scott Derrickson
ประเภท: Thriller/ Drama/ Horror
หนังถูกสร้างมาจากหนังสือชื่อ The Exorcism of Anneliese Michel ว่าด้วยเรื่องราว เหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในปี 1970 ของสาวเยอรมันชื่อ Anneliese Michel ที่ต้องเจ็บปวดทรมานจากการถูกผีเข้าสิง ตามที่ Emily Rose แสดงให้เห็นแล้วในหนัง เรื่องราวทั้งหมดถูกถ่ายทอดโดย Dr. Felicitas Goodman นักมานุษยวิทยา ผู้ที่มีความเชื่อในเรื่อง “การถูกครอบงำ” ของสิ่งที่เราพิสูจน์ไม่ได้ หรืออำนาจลึกลับบางอย่าง หรือ สิ่งที่เราเรียกกับว่า “ผี” นั่นเอง โดยผู้ถ่ายทอดเรื่องราวลงแผ่นฟิล์มเป็นฝีมือของ Scott Derrick ผู้กำกับที่เคยสร้าง Hellraiser ตอน Inferno มาแล้ว
The Exorcism of Emily Rose ฉบับปี 2005
Emily Rose สาวน้อยนักศึกษาวัย 19 ปี ที่ต้องมาเสียชีวิตอย่างทรมานจากการถูกผีสิง บาทหลวงผู้เคร่งครัดในหลักศาสนาหรือที่ผู้คนในหมู่บ้านนั้นเรียกท่านว่า Father Moore กลับกลายเป็นจำเลยในคดีนี้ ด้วยข้อกล่าวหาว่า หลวงพ่อทำให้สาวน้อยต้องตายจากการทำพิธีไล่ผี เป็นการทำให้ผู้ตายโดยประมาท! สิ่งที่ Father Moore ทำให้เพียงต้องการสืบสานเจตนาของ Emily ที่จะบอกเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับเธอ ต่อโลก ให้ได้รับรู้ว่า นรก สวรรค์นั้นมีจริง Erin Bruner ทนายความจำเป็นที่ต้องการมารับคดีแก้ต่างให้ Father Moore เพื่อต้องการความก้าวหน้าทางการงาน จากคนที่ไม่เคยเชื่อเรื่อง พระเจ้า ผีสาง จนต้องมาประสบเหตุการณ์ต่างๆ ด้วยตนเอง อาทิ เวลาตีสาม…เวลาของปีศาจ เป็นเวลาที่ปีศาจเย้ยหยันสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 3 สิ่ง เป็นเวลาที่ตรงข้ามกับบ่ายสามโมง ซึ่งเป็นชั่วโมงศักดิ์สิทธิ์ เป็นเวลาที่พระเยซูสวรรคต…และเวลาตีสามนี่เอง ทำให้ Erin Bruner ผู้ที่ไม่เคยเชื่อเรื่องพระเจ้า และผีสาง ต้องหันกลับมาคิดว่า หากสิ่งเหนือธรรมชาติเหล่านี้มีจริง เธอจะทำอย่างไร จากจุดที่เธอต้องมาประสบด้วยตนเองนี้ ทำให้เธอต้องแยกแยะให้ออกระหว่าง สิ่งที่เธอต้องการทำ กับสิ่งที่เธอควรทำ…เธอควรจะเลือกทางไหน พลังความมืดที่จะคอยมาขัดขวางกับความถูกต้องและความยุติธรรมจะเป็นอย่างไร เพื่อนๆ ลองไปหาชมดูครับ
ด้านดารานักแสดง…
ต้องขอพูดถึง Laura Linney ในบทบาทของ Erin Bruner ทนายสาวผู้มากด้วยความมั่นใจ ผมชอบ Linney เป็นการส่วนตัวตั้งแต่เธอแสดงเรื่อง Primal Fear (หนัง Crime/Thriller เรื่องแรกๆ ของเฮีย Edward Norton ที่ทำให้เขาเริ่มโด่งดัง) จนมาถึงเรื่อง Mystic River (หนังของลุง Clint Eastwood) และประทับใจล่าสุดในบทบาทสุดน่ารักแสนอบอุ่นใน Love Actually (หนังตลก น่ารัก อบอุ่นที่รวบรวมดาราฝีมือดีไว้เพียบ) เกริ่นมาซะเยอะ…จะบอกว่า เธอแสดงบทบาทลีลาการเป็นทนายที่ไม่เคยเชื่อเรื่องผีสาง แต่กลับต้องมาเจอเรื่องดังกล่าวด้วยตัวเองนั้น การแสดงของเธอทำได้เยี่ยมทีเดียว โดยเฉพาะเอกลักษณ์เรื่องการใช้สายตาแสดงบทบาทต่างๆ (ขอชมหน่อยละกัน…ชอบ) ปะทะบทบาทกับทนายฝ่ายอัยการ (หรือทนายของประชาชน) ที่ล้วนแล้วแต่ต้องใช้คำพูดแสดงบทบาท เล่าเรื่องราว ผมว่ามันยากกว่าการใช้ท่าทางแสดง เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ Linney ทำได้ดีครับ อีกสองคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ Tom Wilkinson หรือ Father Moore ในเรื่องกับ Jennifer Carpenter กับบทบาท Emily Rose ที่ต้องแสดงให้ชักกะแด่วๆ ชักดิ้นชักงอ ทำเอาผมเองดูแล้วสยองไม่น้อย นักแสดงสาวคนนี้ผมไม่ค่อยได้เห็นในหนังเท่าไร เห็นเธอเล่นหนังใหญ่ใน Quarantine แต่ที่ทำเอาเธอดังพลุแตกก็ต้องทีวีซีรีส์สุดจิตในเรื่อง Dextor ครับ พูดถึงบทบาทของ Emily ในเรื่องนี้ไม่ค่อยจะมีบทพูดแต่ลีลาการ Acting ของสาวน้อยคนนี้ผมว่า อนาคตไกลแน่ๆ ครับ สำหรับลุง Tom นั้นไม่ต้องห่วงครับ แกแสดงหนังมาเพียบ ประสบการณ์สุดยอดอยู่แล้ว…
สุดท้ายนี้ ก็อย่างให้เพื่อนๆ ลองไปหาชมดูครับ หนังในแนว Thriller/Horror ที่ทำออกมาเป็น Drama ได้อย่างสมบูรณ์แบบทีเดียว การเอาเรื่องผีสางนางไม้มาพิสูจน์กันบนบัลลังก์ศาลนั้น เป็นสิ่งที่น่าดูชมครับ อย่างที่ตอนท้ายของเรื่องได้กล่าวไว้ว่า…คดีทั้งหมดที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องของพระเจ้า ใครก็ตัดสินไม่ได้…
“หาทางพ้นบาปด้วยตัวคุณเอง…ด้วยความกลัว และ สั่นไหว”
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 5.00 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies D - F Tagged with: The Exorcism of Emily Rose, รีวิวหนัง The Exorcism of Emily Rose, รีวิวหนังสยอง, หนัง Exorcism, หนังตระกูล Exorcism
Evil Dead Trap (1988)
Shiryo no wana
นำแสดง: Miyuki Ono (Nami Tsuchiya), Aya Katsuragi (Masako Abe), Hitomi Kobayashi (Rei Sugiura), Eriko Nakagawa (Rya Kawamura), Masahiko Abe (Akio Kondou), Yuji Honma (Daisuke Muraki)
กำกับ: Toshiharu Ikeda
เขียนบท: Takashi Ishii
ประเภท: Horror / Porn Psycho
เรื่องย่อ…
Nami พิธีกรในรายการ Late Night With Nami ได้รับวิดีโอเทปลึกลับ..เธอเปิดดู และต้องพบกับ Home Video ในลักษณะของ Snuff Film เธอเห็นภาพการ ทารุณหญิงสาวคนหนึ่งอย่างโหดเหี้ยมอำมหิตเกินกว่าที่มนุษย์ธรรมดาจะทำได้
เธอจึงให้เพื่อนร่วมงานของเธอได้ดูและพยายามจะไปตามหาต้นตอที่มาของวิดีโอ เรื่องราวความสยองเกิดขึ้นเมื่อ Nami และเพื่อนตามไปจนถึงโรงงานร้างที่ดูเหมือน ภาพที่ถ่ายในวิดีโอ เขาและเพื่อนๆ แยกย้ายออกไปสำรวจสถานที่ โดยที่ไม่รู้ว่า มีใคร คอยจ้องมองพวกเขาอยู่ และคอยฆ่าพวกเขาทีละคน ทีละคน…
คำจำกัดความของ Evil Dead Trap 1
“เซ็กส์ เพี้ยน วิปริต โรคจิต บ้าคลั่งและรุนแรง” คำจำกัดความของ Evil Dead Trap 1 นี้เป็นการผสมความรุนแรง ทรมาน ทารุณ โหดร้ายในแบบของซีรีย์ Guinea Pig แต่ทว่า ผู้กำกับ Toshiharu Ikeda และคนเขียนบท Takashi Ishii เติมใส่ เรื่องราวของเซ็กส์เข้าไปในเรื่องอย่างโจ่งครึ้มและจงใจ นอกจากนี้ยังวิปริตแต่งเติม เรื่องราวให้เพี้ยนเกินกว่าจะจินตนาการในตอนจบของหนังได้เลย
สไตล์การแต่งตัว…
ชายหนุ่ม หญิงสาวญี่ปุ่นในยุค 80’s ตอนปลายที่แต่งตัวในสไตล์โบราณร่วมสมัย กระโปรงยาว ผมตั้งกระบัง ฟูฟ่อง และผมสอยเข้ารูปราวสาวมัธยมต้นน่ารักคิกขุ กับ หนุ่มที่ใส่แว่นตากรอบดำใหญ่ๆ ใส่กางเกงฟิตๆ เสื้อแจ็กเก็ตกีฬาทับดูทะมัดทะแมง ใครได้ดูเรื่องนี้แล้วคงจะนึกภาพออกครับ ใครอยากดูหนัง Horror / Porn Psycho ใน แบบปลายยุค 80’s ก็น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว
รุนแรง ซาดิสต์ สะใจคือหนังโหดหรือไม่ ?!?!
คงจะสนองได้ในระดับหนึ่งครับ คงไม่ถึงกับหยีกันเลยทีเดียว มันมีทั้งฉากความโหด วิธีฆ่าในรูปแบบต่างๆ จนถึงฉากร่วมเพศกันอย่างถึงพริกถึงขิง ผมได้อ่านดูจากปก เห็นว่า ทั้งผู้กำกับและผู้เขียนบท ทั้งคู่เขียนฝึกงานในตำแหน่งผู้ช่วยผู้กำกับหนังโป๊มาแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เวลาฉากร่วมเพศถึงได้ใช้มุมกล้องในแบบเดียวกับที่หนังโป๊ใช้เลย เรียกว่าเข้าถึงบทบาทจริงๆ นอกจากนี้ผมได้อ่านข้อมูลจากเว็บของทางญี่ปุ่น เห็นว่านักแสดงบางคนก็เป็นดาราหนังโป๊ในยุคนั้นด้วย (ไม่รู้จริงหรือเปล่านะครับ) กลับมาเรื่องของความรุนแรง ซาดิสต์ กันต่อครับ อย่างที่บอกไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า มันมีความ เพี้ยน วิปริต แฝงอยู่อย่างที่คุณคาดไม่ถึงในตอนจบ ย้ำครับ “เพี้ยน วิปริต” ไม่ใช่ความรุนแรง ผมว่ามันเป็นสไตล์ของหนังญี่ปุ่นเหมือนกันครับ ที่ในตำนานจะมีพวก ปีศาจ หรือพวกตัวประหลาดแปลกๆ อยู่ด้วยเสมอ ในเรื่องนี้ก็เช่นกัน ไม่เล่าละกัน ใครสนใจ ลองไปเสาะหาดูกันเองดีกว่า
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 4.00 / 6.00
ยกตัวอย่างหนังสุดอื้อฉาว และรุนแรงสุดขั้วที่คอซาดิสต์ห้ามพลาด…
– Wet Rope ฉากเซ็กส์เต็มเรื่อง แม่ชี ถูกทรมานด้วยการร่วมเพศอย่างสุดขั้ว เรียก ได้ว่าเรื่องนี้อื้อฉาวมากตอนที่ถูกนำมาจำหน่าย มันเป็น Porn Psycho อย่างเต็มขั้น เส้นแบ่งความแตกต่างระหว่างหนังโป๊คลาสสิกที่มีภาพของแม่ชีร่วมเพศ กับการ ทรมานในแบบวิปลาสที่คอซาดิสต์ห้ามพลาด
– The Abomination ชื่อเรื่องก็บ่งบอกถึงความน่าชังสุดจังไรตามสไตล์ของ Japan Shock กันแล้ว หนังฝรั่งเรื่องนี้มีทั้งสัตว์ประหลาดน่าเกลียดเหนือคำบรรยาย ฉากปาดคอ ตัดแขน กลวิธีสังหารโหดในทุกรูปแบบ เลือด เลือด เลือด มันเป็นหนัง Gore สุดคลาสสิกอีกเรื่องที่ผมโปรดปรานเลยทีเดียว
– Guts of a Virgin เข้าใจตั้งชื่อเรื่องได้น่าสนใจทีเดียว Guts of a Virgin เห็นชื่อ แล้วอยาก “Gut” กันมั้ยครับหนุ่มๆ เหอ เหอ…หนังเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่มาในแนวหนัง โป๊นั่นแหละครับ แต่ทว่ามันไม่ใช่หนังโป๊ธรรมดาสิครับ มันมีส่วนผสมของ Horror / Sadist เข้ามาด้วย ฉากร่วมเพศไม่เท่าไร แต่ไอ้ฉากไล่ล่าสังหาร ตัดท่อนแขนมา ช่วยสำเร็จความใคร่ให้อะไรทำนองนี้แหละ เหนือคำบรรยายอ่ะ…
มีอีกหลายเรื่องครับ อย่าง All Night Long 1 & 2 & 3 ก็เจ๋งไม่น้อย ไว้จะเอามารีวิว ให้อ่านกัน…ติดตามต่อในชุมชนฟิล์มสยองครับ
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies D - F Tagged with: ตระกูลหนัง Evil Dead Trap, ผู้กำกับ Toshiharu Ikeda, รีวิวหนัง Evil Dead Trap (1988), รีวิวหนังสยอง, หนังญี่ปุ่นโหด โรคจิต, หนังสยองขวัญญี่ปุ่น, เขียนบท Takashi Ishii
Eraserhead (1977)
Gardenback
นำแสดง: Jack Nance (Henry Spencer as John Nance), Charlotte Stewart (Mary X), Allen Joseph (Mr. X), Jeanne Bates (Mrs. X), Judith Anna Roberts (Beautiful Girl Across the Hall), Laurel Near (Lady in the Radiator), V. Phipps-Wilson (Landlady in long version), Jack Fisk (Man in the Planet), Jean Lange (Grandmother), Thomas Coulson (The Boy), John Monez (Bum), Darwin Joston (Paul), Neil Moran (The Boss), Hal Landon Jr. (Pencil Machine Operator), Jennifer Chambers Lynch (Little Girl as Jennifer Lynch)
กำกับและเขียนบท: David Lynch
ประเภท: Fantasy / Horror / Drama
เพี้ยน ชวนฝันร้าย ขนลุก กับความหดหู่สุดอนาท ในจินตนาการของ David Lynch (Twin Peaks, Lost Highway, Darkened Room) ผู้กำกับชื่อดังที่สร้างผลงานอินดี้สุดคลาสสิก สุดคัลต์ไว้ในปี 1977 กับพล๊อตเรื่องสุดอินดัสเตรียล ดราม่า กดดัน สยอง เซ็กส์ และหนังที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ต่างๆ มากมายที่ให้เราชวนคิด ชวนจิตนาการได้เหลือเฟือ
Lynch เปิดฉากเริ่มต้น จากภาพของ Henry Spencer (Jack Nance) ล่องลอยอยู่ในความฝัน ในจินตนาการพร้อมปล่อยเจ้าตัวสเปิร์มออกมาจากปาก โดยมีชายผู้ต้องคอยสังเกต ตรวจตรา ดูแลสเปิร์มที่แข็งแรงที่สุดที่จะปล่อยให้เข้าไปสัมผัสในรังไข่ได้ ก่อนที่จะเข้าสู่เรื่องราวในชีวิตจริง Henry อาศัยอยู่ในเมืองอุตสาหกรรมที่เต็มไปด้วยเครื่องจักรหนัก ภาพหม่นหมองของสภาพแวดล้อม บรรยากาศ เต็มไปด้วยความหดหู่ กดดัน รวมทั้งภายในอพาร์ตเม้นต์ของ Henry ด้วย สิ่งสวยความเพียงอย่างเดียวก็คือ สาวสวยที่อยู่ตรงข้ามห้องของ Henry นั่นเอง Henry มีแฟนสาวชื่อ Mary เขาต้องไปพบครอบครัวของ Mary เพื่อเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่า Henry ทำให้ Mary ท้อง และกำลังจะเป็นพ่อคน
Mary ย้ายมาอยู่ในห้องเดียวกับ Henry พร้อมทั้งดูแลลูก ลูกที่ไม่ใช่เด็กธรรมดา แต่มันเป็นเด็กกลายพันธุ์ที่ไม่สามารถระบุเผ่าพันธุ์ได้ เด็กประหลาดที่ร้องเสียงโหยครางอยู่ตลอดเวลา ทำให้ Mary ไม่สามารถทนอยู่ได้อีกต่อไป เธอกลับไปอาศัยอยู่กับพ่อแม่ ทำให้ Henry ต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่อยู่ตรงหน้าเพียงลำพัง
นอกจาก Henry จะพบกับเด็กประหลาดที่เป็นลูกของเขาเองแล้ว เขาเองยังได้ยินเสียงร้องเพลงของสาวเสียงสวยที่ออกมาจากเครื่องฮีตเตอร์ในห้องของเขาอีกด้วย เสียงของสาวที่ร้องเพลงชวนฝันถึงสวรรค์ให้กำลังใจ Henry อยู่ตลอดเวลา ในตอนท้ายของเรื่องคุณจะได้พบกับจินตนาการสุดเพี้ยนของ Lynch ที่บอกให้เห็นถึงที่มาของชื่อเรื่อง “Eraserhead” หรือ “ไอ้เจ้าหัวยางลบ” ไอ้หัวของ Henry นี่แหละถูกนำไปผลิตเป็น หัวยางลบดินสอ จนกลายมาเป็นที่มาของชื่อเรื่องครับ
นี่เป็นจินตนาการของผมหลังจากที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ หากเพื่อนๆ ได้ลองดู ก็อาจจะจินตนาการออกไปได้ในแบบของท่านเอง…
หนังเต็มไปด้วยสัญลักษณ์ครับ ทำให้ใครที่อยากจะดูเรื่องนี้ ควรที่จะตั้งใจดูครับ ไม่งั้นจะพาหลับ หรือไม่ก็มึนงงไปกับเนื้อหาของ Lynch ได้ง่าย ๆ หนังมีแต่ความมืดหม่นด้วยซาวดน์ ภาพ บรรยากาศแวดล้อม ยิ่งถ่ายทำออกมาเป็นหนังขาว – ดำด้วยแล้ว ภาพหลอนที่เกิดในทุกๆ ฉากนั้นง่ายที่จะถูกจดจำฝังหัวของท่านไปได้อีกนาน
ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่า Lynch ต้องการที่จะสื่อให้เห็นภาพความเป็นจริงของสังคมในยุคอุตสาหกรรมในยุค 70 ‘s หรือไม่ แต่ผมเห็นเป็นแบบนั้น ยุคอุตสาหกรรมเฟื้องฟูในอเมริกาช่วงปี 70 – 80 ทำให้สภาพความเป็นจริงของสังคมอเมริกันเต็มไปด้วยความกดดัน หม่นหมอง ในแบบที่คุณเห็นใน Eraserhead ย้ำเน้นด้วยประโยคในเนื้อเพลงที่สาวจากเครื่องทำความร้อนในห้องของ Henry ที่ร้องด้วยเสียงสวยๆ กับเนื้อหาที่คอยบอกย้ำว่า “In heaven, Everything is Fine…In heaven, Everything is Fine”
คุณล่ะ…พร้อมที่จะเลือกทางเดินในสังคมอุตสาหกรรมแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบันแล้วหรือยัง
แล้วคุณจะเดินไปทางไหนดี…
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 5.50 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies D - F Tagged with: รีวิว Eraserhead, รีวิวหนัง fantasy horror, รีวิวหนังสยอง, หนังของ David Lynch
Eat The SchoolGirl (1997)
Eat the School Girl : Osaka Telephone Club
Kogyaru-gui: Oosaka terekura hen
นำแสดง:Kozue Aoki, Yuuki Fujita, Nobuyuki Hasegawa, Michiru Kato, Tadao Kawamoto, Shiro Misawa, Tsuyoshi Ootsubo, Kenji Sugawara, Dan Takebashi, Maria Yamazaki, Naoki Yokota, Tetsuya Yuuki
กำกับ: Naoyuki Tomomatsu
เขียนบท: Chisato Oogawara (screenplay) และ Naoyuki Tomomatsu (screenplay)
ประเภท: Horror/Erotic/Porn Gore Flick/Psycho
*** เด็กอายุต่ำกว่า 18 ไม่ควรดูครับ ***
เรื่องย่อ…
ภาพยนตร์ที่ว่าด้วยเรื่องราวของสองหนุ่มที่ทำงานอยู่ในแก๊งค์ยากูซ่าที่ชื่นชอบชำเราหญิงสาว พร้อมถ่ายทำเป็นวีดีโอในลักษณะของ Snuff Film หนุ่มคนหนึ่งนั้น มีบุคลิกลักษณะนิยมเรื่อง ทางเพศเป็นชีวิตจิตใจ เรียกได้ว่า เพศขึ้นสมองก็ว่าได้ ส่วนหนุ่มอีกคนนั้น มีพฤติกรรมติดการเล่น Sex Phone เป็นชีวิตจิตใจ เรื่องราวสุดวิจิตรจากการจินตนาการถึงตัวตนของนางฟ้าที่พวก เขาได้พบเจอ และนางฟ้าตนนี้แหละเป็นผู้กำหนดให้ หนุ่มออกไปล่า…เหยื่อ…ด้วยวิธีการสุด วิตถารจนหาที่ติไม่ได้…เขาจะพยุดพฤติกรรมแบบนี้ได้หรือไม่ ติดตามกัน
Sex , Rape , Serial Killer & Sadistic Killer!!!
หนังญี่ปุ่นอีกเรื่องที่นำเรื่องราวของ Sex และความรุนแรงในสังคมที่เต็มไปด้วยผู้คนป่วยทาง จิต! จะว่าไปแล้วคนที่ดูเฉพาะ trailer อาจจะคิดว่า นี่เป็นแค่หนังโป๊ ซาดิสต์ ที่เต็มไปด้วยความ รุนแรง การทรมาน และเลือด! แต่จริงๆ แล้วจะว่าไป นี่ก็เป็นหนังที่ไม่ได้ขายแค่ความน่ารักของ นางฟ้าในเรื่อง (โคตรน่ารัก^^) และความร้อนแรงในบทการร่วมเพศที่ดูแล้วอารมณ์มันขึ้นดี เหลือเกิน (ย้ำนะครับ ! เด็กอายุต่ำกว่า 18 ไม่ควรดูหนังเรื่องนี้อย่างยิ่ง เพราะทุกฉากมันออกเป็น Reality มากๆ) แต่หนังยังขายในเรื่องของบทภาพยนตร์ และมุมกล้องในลักษณะของ Reality show พร้อมกับการตัดภาพไป – มาให้เห็นถึงความเป็นมา และเหตุต้นตอทั้งหมดที่ทำให้ตัว ละครในเรื่องมีพฤติกรรมอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน
…มาแนะนำฉากเด็ดๆ กันเช่นเคย…
– เปิดฉากด้วยพฤติกรรมของหนุ่มที่ติด Sex Phone ภาพตัดไป-มา ระหว่างหนุ่มผู้ใช้บริการ และนักเรียนสาวที่กำลังใช้สำเนียงสุดกระตุ้นอารมณ์ทางเพศพูดผ่านหูโทรศัพท์ หล่อนเริ่มเร้า โลมตัวเองด้วยมือ ไปจนถึงการใช้ปากกาเมจิกด้ามโตยัดใส่น้องสาวอย่างเมามันได้อารมณ์ ฉาก เปิดที่สร้างโลกจินตนาการอารมณ์ เสียง และสัมผัสที่แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรม Phone Sex Addict ได้อย่างเด่งชัด
– มีในหลายๆ ฉากที่โหด เหี้ยม และซาดิสต์ผิดมนุษย์ กับพฤติกรรมของไอ้หนุ่มที่ชอบแต่งตัวใน ชุดของนักเรียนหญิง (ตอนที่ออกไปล่าเหยื่อผู้ชาย) ที่ชอบใช้กำลังทุบตีจนอ้วก ทะลัก ใช้มีด ปาดคอ กระซวก กระหน่ำแทง กรีดเนื้อเหยื่อจนถึงกับจุดสุดยอด ในขณะที่หากเหยื่อเป็นผู้หญิง มันจำร่วมเพศอย่างสุดเหวี่ยง ก่อนลงมือฆ่าอย่างโหดเหี้ยมก่อนที่จะหลั่งน้ำกามออกมารดเหยื่อ ผู้มีลมหายใจแผ่วเบา (ฉากก่อนจบ มีการฆ่าสาวคนหนึ่งด้วยการใช้มีดกรีดตั้งแต่ท้องน้อยไปจน ถึงหน้าอก จนไส้เหยื่อหลุดออกมา เหยื่อทุรนทุรายเก็บไส้ยัดใส่ท้องอย่างเอาเป็นเอาตาย ก่อนที่ ไอ้หนุ่มซาดิสต์จะใช้มีดแทงปากทะลุหัวสมอง)…พฤติกรรมสุดวิตถาร โรคจิตของการสำเร็จ ความใคร่โดยการฆ่า ฆ่า และก็ฆ่า!
– การถ่ายภาพวิดีโอในลักษณะของ Snuff Film ในการข่มขืน ชำเราทางเพศ จนเหยื่อผู้เป็น หญิงหมดแรง ก่อนที่จะลงมือกระทำในลักษณะทุกวิธีการวิตถาร อาทิ การลงมือทุบตีแบบไม่ยั้ง การลงแขก ไปจนถึงการใช้เข็มฉีดยาอันยักษ์ (เท่าท่อนแขน) ฉีดทะลวงไปที่รูทวารหนักของ หญิงผู้เป็นเหยื่อ จนขี้ทะลัก!!!
ผลงานการกำกับเรื่องแรกของ Naoyuki Tomomatsu ก่อนที่จะมาโด่งดังและเป็นที่รู้จัก ในหนังเรื่อง Stacy ในปี 2001 (หรือชื่อเต็มคือ Stacy : Attack of the schoolgirl zombies ที่จำนำมาแนะนำในครั้งต่อไปครับ) พูดถึง Eat the Schoolgirl หนังเรื่องนี้ สิบกว่าปีมาแล้วครับ ตั้งแต่ปี 1997 โน่น ใครจำได้บ้างมั้ยครับว่า ในช่วงกลาง ถึงปลายยุค 90’s มีหนังเรื่องไหนเล่นเรื่องราวเกี่ยวกับ Snuff Film บ้าง…สำหรับใครที่ชื่นชอบหนังเกรดบี หนัง ใต้ดิน พวก V-Cinema หนังจำพวกที่ไม่ได้เข้าโรงนำลงสู่วีดีโอ คงจะพอนึกออกได้เยอะ เหมือนกันนะครับ เพราะช่วงเวลานั้น เป็นช่วงที่ผู้กำกับหนังหลายคนนำเรื่องราวเกี่ยวกับ Snuff Film มาถ่ายทอดกันในภาพยนตร์ด้วย ถึงขนาดหนังที่เข้าโรงฉายมีดารานำชื่อดังอย่าง Nicolas Cage ในบทของนักสืบ Tom Welles (ใครจำได้บ้าง) ในหนังเรื่อง 8MM หนังที่ออกฉายกันในปี 1999 ยังเล่นกับเรื่องราวของ Snuff Film กันด้วย Eat the Schoolgirl ก็เช่นกันครับ นอกจากจะมี theme หนังออกไปในทางหนังโป๊แล้ว ยังแฝงเรื่อง ราวของ Snuff Film ที่ถูกถ่ายทำโดยยากูซ่าที่ชื่นชอบการทรมาน ร่วมเพศ สุดซาดิสต์ นอก จากนั้น หนังเรื่องนี้ยังถ่ายทอดด้วยมุมกล้อง การตัดต่อภาพ และการลำดับภาพที่ทำออกมาใน ช่วงยุคนั้น ได้อย่างน่าดู และไม่ถือว่า นำเรื่องเพศมาเป็นจุดขาย จนลืมใส่ความสยดสยอง โหด ร้าย ทารุณลงไปด้วย…
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 4.00 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies D - F Tagged with: ผู้กำกับ Naoyuki Tomomatsu, ผู้กำกับ Stacy หนังญ๊่ปุ่น, รีวิวหนังญี่ปุ่นโรคจิต, รีวิวหนังสยอง, รีวิวหนังโหดญี่ปุ่น, หนังญี่ปุ่นโรคจิต
Dumplings: Three…Extremes (2004)
เกี๊ยวอาถรรพ์
นำแสดง: Bai Ling, Miriam Yeung และ Tony Leung Ka-Fai
กำกับ: Fruit Chan Gor
เขียนบท: Fruit Chan, Lilian Lee
โปรดิวเซอร์: Peter Chan Ho-Sun
ประเภท: Horror
“ถ้าคุณจำได้…ความกลัวนั้น กำลังจะกลับมาอีกครั้งใน…ฉบับสมบูรณ์” “เกี๊ยวอาถรรพ์” ภาพยนตร์หนึ่งในสามเรื่องของ Three…extremes นี่คือภาพยนตร์เรื่องเต็มความยาว 90 นาที ที่แฟนหนัง Horror ได้เสพกันอย่างเต็มอิ่มแน่นอน จากเรื่องสั้นของ Lillian Lee ทางผู้กำกับ Chan Gor และ โปรดิวเซอร์ Peter Chan นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เขย่าขวัญที่นำเรื่องใกล้ตัวของคนทั่วไป ก็คือเรื่องของอาหาร ความสวยงาม จนถึงอารมณ์ความอยากสาวสองพันปีของผู้หญิงทั่วโลก งานนี้ได้นักแสดงฝีมือระดับคุณภาพอย่าง Miriam Yeung และนักแสดงหญิงชาวเอเชียที่ไปโด่งดังในฮอลิวู้ดอย่าง Bai Ling มาร่วมโชว์ฝีมือการแสดงอย่างเต็มที่
…ว่ากันด้วยเรื่องราวของผู้หญิงที่ต้องการรักษาความสาวสวยให้อยู่คงทนถาวรตลอดไป ซึ่งแน่นอนในความเป็นจริงคงไม่อาจจะทำเช่นนั้นได้ “กิง” อดีตดาราสาวสวยรุ่งเรืองเจิดจรัสในวงการมายา ก็มีความต้องการเช่นนั้นเหมือนหญิงสาวอื่นทั่วไป อยากที่จะรักษาความสาวเอาไว้ เพื่อมัดใจสามีมหาเศรษฐีจอมเจ้าชู้ที่ไม่เคยพอในเรื่องตัณหาราคะ…ดังนั้นเธอจึงยอมทำทุกวิถีทางเพื่อเหนี่ยวรั้งสามีของเธอไว้ไม่ให้ไปหาหญิงอื่น และนี่แหละ คือที่มาของอาหารเพื่อรักษาความสาว…เกี๊ยว…คือเมนูอาหารดังกล่าวนั่นเอง
ต้องยอมรับว่า ครั้งแรกที่ได้ดูหนังเรื่องนี้จากหนึ่งในสามเรื่องของ Three Extremes Dumpling แล้ว เนื้อเรื่องยังไม่เคลียร์ และการตัดต่อภาพยังดูไม่ลื่นไหลเท่าที่ควร ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ถูกทำให้เคลียร์ และลื่นไหลจากหนังภาคเต็มเรื่องนี้ การตัดต่อภาพโดยรวมนั้นถูกใจผมเป็นที่สุดสำหรับเรื่องนี้ การวางโครงสร้างเนื้อเรื่อง รวมถึง เนื้อหาที่คิดไม่ถึงว่าภาคเต็มเรื่องราวจะออกมาเป็นแบบนี้ ผมว่าเนื้อหาสำคัญๆ หลายส่วนถูกเฉลยกันก็ในหนังภาคเต็มนี่แหละ…ผมคงไม่เล่าเนื้อเรื่องอะไรให้มากมาย อยากให้ไปซื้อหามาดูกันเองมากกว่า บอกใบ้ไว้สักนิดละกันว่าในภาพยนตร์เต็มเรื่องนี้ คุณจะคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องอายุของ ป้าเหมย (ไป่หลิง), สัมพันธ์สวาทจากฉากอันสุดร้อนแรงของมิสเตอร์ หลี่ กับป้าเหมย จนถึงชะตากรรมสุดท้ายกับบันทึกของมาดาม หลี่ ถวิลหาความสาว (มีเรียม เหยิง)
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับรางวัลม้าทองคำครั้งที่ 41 ปี 2004 ในรางวัลตัวประกอบหญิงยอดเยี่ยม (Bai Ling) รวมทั้งยังถูกเสนอชื่อในรางวัล Best Director (Fruit Chan Gor), Best Editing (Tin Sam-Fat, Chan Ki-Hop) และ Best Make-up and Costume Design (Hai Chung-Man, Pater Wong) นับเป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมของภาพยนตร์เรื่องนี้ ใครยังไม่เคยดูหรืออาจจะเคยดูมาแล้วใน Three Extremes ผมขอแนะนำว่าแฟนหนังสยองห้ามพลาดกันเลยครับ
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 4.50 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies D - F Tagged with: three extremes หนัง, รีวิวหนัง Dumpling, รีวิวหนังสยอง, หนังสยองขวัญ, เกี๊ยวอาถรรพ์ หนัง
Dog Soldiers (2002)
Night of the Werewolves | กัดไม่เหลือซาก…ด็อกโซลเยอร์
นำแสดง: Sean Pertwee (Sgt. Harry G. Wells), Kevin McKidd (Pvt. Cooper), Emma Cleasby (Megan), Liam Cunningham (Capt. Ryan), Thomas Lockyer (Cpl. Bruce Campbell), Darren Morfitt (‘Spoon’ Witherspoon), Chris Robson (Pvt. Joe Kirkley), Leslie Simpson (Pvt. Terry Milburn), Tina Landini (Camper), Craig Conway (Camper), Vilrikke’s Acer (Sam the Dog)
กำกับและเขียนบท: Neil Marshall
ประเภท: Action / Horror
หนังโคตรมัน ขำฮา สยอง แหวะของผู้กำกับ Neil Marshall ที่สร้างชื่อกระฉ่อนวงการหนัง Horror ก่อนที่จะตอกย้ำความสำเร็จด้วยหนัง The Descent ในปี 2005
เรื่องของทหารที่มีบุคลิกแตกต่างกัน 6 คน ถูกส่งตัวมาฝึกภาคสนาม ณ ป่าลึกแห่งหนึ่ง ที่ซึ่งเต็มไปด้วยมนุษย์หมาป่าที่ไม่ได้อยู่กันตัว สองตัว แต่มันอยู่กันเป็นครอบครัว! เหล่าทหาร หาญ เหล่านี้จะทำอย่างไร เพื่อให้รอดไปจากเหตุการณ์นี้…
Dog Soldiers ได้รับรางวัลชนะเลิศการันตีความมันจาก
– Academy of Science Fiction, Fantasy & Horror Films, USA ในสาขา Best Dvd Release (ปี 2003)
– Brussels International Festival of Fantasy Film กับรางวัล Golden Raven : Neil Marshall และ Pegasus Audience Award : Neil Marshall ปี 2002
– Cinenygma – Luxembourg International film festival กับรางวัล Grand Prize of European Fantasy Film in Silver : Neil Marshall ปี 2002
และได้เข้าชิงรางวัลในสาขาต่างๆ อีกเพียบครับ เรียกว่า มีรางวัลมาการันตีความมันเพียบ…
“Dog Soldiers” หรือชื่อไทย “กัดไม่เหลือซาก…ด็อกโซลเยอร์” เป็นหนังในอารมณ์แบบพวก Predator ผสมพันธุ์กับ An American Werewolf in London หรือหนังจำพวกตระกูล Werewolf พวกไลแคนธรรมดาๆ ที่ไม่ธรรมดา…แต่มันกลับเป็นหนัง Werewolf ที่เต็มไปด้วยฉาก Action สุดมัน ฉากไส้ทะลัก ไส้ไหล เลือดสาด คอหลุด หัวกระจาย การถ่ายทำสลับภาพสี และขาว ดำ ให้อารมณ์การไล่ล่าของมนุษย์หมาป่าได้ดีเชียว สเปเชียลแอ็ฟเฟ็กต์ การแต่งหน้า ทำได้เยี่ยมเหลือคณา ไปจนถึงบทภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขันสุดฮา กับการเล่นมุข “กูอยากดูฟุตบอล” (ใครได้ดูแล้ว คงจะนึกภาพ แล้วฮาตามได้อย่างไม่ขัดเขิน) ไปตลอดทั้งเรื่อง…ดูเรื่องนี้จบแล้วพูดได้สั้นๆ ว่า “หนังแม่งมันดีวะ” ฮ่า ฮ่า แนะนำ ๆ
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 5.00 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies D - F Tagged with: รีวิว Dog Soldiers (2002), รีวิวหนังผู้กำกับ Neil Marshall, รีวิวหนังสยองขวัญ, รีวิวหนังหมาป่าเลือดสาด
Dorm (Dekhor) 2006
เด็กหอ
นำแสดง: จินตหรา สุขพัฒน์, สุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล, นิภาวรรณ ทวีพรสวรรค์, ชาลี ไตรรัตน์, ศิรชัช เจียรถาวร, ณฐพร เตมีรักษ์, จิรัฎร์ สุขเจริญ, ธนบดินทร์ สุขเสรีทรัพย์, ปกาสิต พันธุ รัตน์, อนุชิต ปนัดเศรณี, มณฑล อานุภาพมาศ
กำกับ: ทรงยศ สุขมากอนันต์
บทภาพยนตร์: ชลลดา เตียวสุวรรณ, วรรณฤดี พงษ์สิทธิศักดิ์, ทรงยศ สุขมากอนันต์
ประเภท: Drama/Horror
“คุณเคยถูกส่งไปอยู่โรงเรียนประจำมั้ย?
คุณรับมือกับความเหงาและการไม่มีเพื่อนยังไง?”
คำโปรยที่เป็นโครงสร้างหลักทั้งหมดของหนังเรื่อง “เด็กหอ” ผลงานของหนึ่งในผู้กำกับหนังเรื่อง “แฟนฉัน” ที่สร้างรายได้และความ ประทับใจของผู้ชมมาแล้ว “เด็กหอ” จึงเป็นเป็นผลงานที่ต้องพิสูจน์ของทรงยศ…
“ผมยังจำครั้งแรกที่จากบ้านไปไกลได้ดี…ผมอายุ 12 เรียน ม.1 ผมถูกส่งไปอยู่โรงเรียนประจำ อย่างฉุกละหุก สาเหตุนะหรือครับ ก็เพื่อที่ผมจะได้พ้นไปจากบ้าน ไกลไปเสียจากพ่อ คุณอาจจะ สงสัยว่าทำไม แต่ผมไม่แปลกใจหรอก เพราะผมนี่แหละคือคนที่รู้ความลับของเขา การต้องย้าย โรงเรียนกลางเทอมเป็นเรื่องโหดร้ายจริงๆ ไหนจะห้องเรียนใหม่ ไหนจะเรือนนอนที่ไม่สนิทใจ เหมือนอยู่บ้าน…มีเรื่องเล่ามากมายในโรงเรียนประจำ คุณเชื่อเรื่องเล่าในโรงเรียนประจำมั้ย ครับ…” (เรื่องย่อบางส่วนจากเว็บไซต์ dekhor.com)
นั่นแหละครับ เป็นเรื่องย่อบางส่วนที่ผมคัดมา เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นมาจากจุดนั้นครับ การที่ ต้องไปอยู่ห่างไกลจากบ้าน อารมณ์ความรู้สึกที่ทำออกมา ทำได้ดีทีเดียวครับ เรียกได้ว่า ถ้าใคร เคยไปเรียนห่างไกลบ้านและต้องไปอยู่หอ อยู่โรงเรียนประจำนั้นจะต้องนึกถึงอารมณ์ตอนช่วง นั้นได้แน่นอน (ผมเองก็ไปเรียนต่างจังหวัด และเคยอยู่หอเช่นกัน) พล็อตเรื่องดำเนินไปอย่างรวด เร็ว บทบาทของต้น ชาตรี (น้องแน็ค ชาลี จาก “แฟนฉัน”) และวิเชียร (น้องไมเคิล ศิรชัช) นั้น คงจะทำให้ผู้ชมประทับใจได้ไม่ยากครับ เพราะเรื่องมีทั้งดราม่า ตลก ไปจนถึงพล็อตหนัง Horror ที่พยายามจะไม่นำผี ประเภทหน้าขาว ชุดคลุมยาว โผล่มาตามผนัง เพดาน สระน้ำ เลื้อยคลานอยู่ใต้เตียงมาเล่นในหนังเรื่องนี้ แต่กลับเล่นกับอารมณ์ของคนดูมากกว่า เรื่องสามารถ คาดเดาได้ตั้งแต่ช่วงกลางเรื่อง แต่ก็ไม่ทำให้หนังหมดสนุกในช่วงกลางถึงท้ายเรื่อง กลับสร้าง อารมณ์ในแบบดรามา เข้ามาแทน เทคนิกการเล่าเรื่องใกล้ตัวของทรงยศนั้นเป็นเรื่องที่เรียกได้ว่า “ถนัด” และสามารถดึงอารมณ์ร่วมของคนดูได้เป็นอย่างดีครับ
ใครเป็นแฟนหนังของผู้กำกับคนนี้อยู่แล้ว ดูได้ไม่ผิดหวังครับ เป็นหนึ่งในหนังที่พยายามฉีกแนว ความจำเจของหนัง Horror จำพวกผีทั่วไปได้ดี และนำดราม่ามาสร้างความประทับใจได้ไม่ น้อย ตอนนี้หนังกำลังเข้าโรงอยู่ครับ ใครสนใจใคร่ดู ก็อย่ารีรอครับ…
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 4.50 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies D - F Tagged with: รีวิว Dorm เด็กหอ, รีวิวหนัง เด็กหอ, รีวิวหนังผี, รีวิวหนังผีไทย, หนังผีไทย
The Doll Master (2004)
Inhyeongsa | คำสาป หุ่นมรณะ
นำแสดง: Kim Yu-mi (Hae-mi), Lim Eun-kyeong (Mi-na), Shim Hyeong-tak (Tae-seong), Ok Ji-young (Yeong-ha), Lim Hyeong-jun (Jeong-ki)
กำกับและเขียนบท: Jeong Yong-ki
ประเภท: Horror / Drama
เรื่องย่อ: หญิงชายแปลกหน้าห้าคนถูกเชิญมายังบ้านแสดงตุ๊กตาแห่งหนึ่ง ณ ใจกลางป่า โดยที่ทั้งหมดไม่เคยรู้จักกันมาก่อน มีทั้งนักแต่งนิยาย ช่างภาพ นักเรียน นักประติมากรรม และนายแบบ ทว่าบ้านที่ถูกตกแต่งด้วยตุ๊กตา แต่งตัวสวยงามนั้น มีอะไรไม่ชอบมาพากลด้วยบรรยากาศ เจ้าของบ้าน ไปจนถึง หญิงสาววัยกลางคนที่นั่งรถเข็นตลอดเวลา ผู้เป็นคนปั้นตุ๊กตาในบ้านทั้งหมด ภายใต้ความสวยงามของตุ๊กตานั้น มีความลับอะไรซ่อนอยู่กันแน่ ความผูกพัน ความทรงจำ หรือความแค้น…
แค้นฝังหุ่นฉบับดราม่าเกาหลี…
พล๊อตเรื่องจำพวกตุ๊กตา ของเล่น ที่เราเคยมีความผูกพัน เล่นกับมันในตอนวัยเด็ก และทิ้งมันไป เมื่อเรารู้สึกเบื่อ หรือว่าได้ของเล่นใหม่มาแล้ว และเจ้าของเล่นหรือตุ๊กตาที่ว่า เกิดความผูกพันที่อยากจะอยู่กับเจ้าของไปตลอดนั้น มีการนำมาพูดถึงในบทภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่องครับ ทั้งหนังจำพวก Drama, Fantasy , Family ไปจนถึงหนัง Horror อย่างล่าสุดเมื่อปี 2006 หนังสัญชาติเอเซีย อย่าง Re-Cycle ยังมีการพูดถึง สิ่งของ หรือ สิ่งที่ถูกทอดทิ้งไปแล้วด้วยเช่นกัน ย้อนกลับลงไปอีกยังมีหนังจำพวกแค้นฝังหุ่นอย่าง Child’s Play หรือย้อนลงไปอีกก็มีหนังอย่าง Puppet Master ที่นำเอาของเล่น หุ่น หรือตุ๊กตาที่มีวิญญาณ (ทั้งรัก ทั้งแค้น) มาเล่าในบทภาพยนตร์
The Doll Master หรือ คำสาป หุ่นมรณะ เป็นหนังที่เล่นทั้งความสยองในแบบ Horror มีผสม Mystery พวกเวทมนตร์ คาถา บวกกับโทนหนังดราม่าครับ จะว่าไปหนังเกาหลีชอบเอาโทนหนังแบบดราม่า มาผสมกับเรื่องราวเกี่ยวกับความเชื่อ จิต วิญญาณ อยู่หลาย ๆ เรื่อง The Doll Master ก็ทำแบบทำนองนั้นแหละครับ แต่ว่ามันค่อนข้างจะอ่อนแอในบทภาพยนตร์ที่นำมาผสมกันจนมั่วไม่ได้ที่ ไม่ได้รสชาดที่กลมกล่อม บางช่วงของหนังก็เปรี้ยวจี๊ด บางช่วงก็จืดซะ บางช่วงก็เค็มแหลม ไม่ได้ความพอดี หรือลงตัวเลย ทั้งๆ ที่ ถ้าหนังเรื่องนี้เน้นไปในทิศทางใด ทิศทางหนึ่งน่าจะดีไม่น้อยครับ เพราะอย่างที่เห็น ฉากตุ๊กตาติดฝาบ้าน เพดาน ห้องน้ำ ที่ทำออกมา ไอเดียดีนะครับ หลอนได้ที่เลย แต่กลับนำสิ่งดีๆ ตรงนี้มาใช้เพียงนิดเดียวเอง
หนังสยองเกาหลีที่ดูได้เพลินๆ อีกเรื่องครับ ใครเบื่อๆ ไปสอยมาดูได้ตามอัธยาศัย…
ปล…เรื่องนี้ ตุ๊กตาน่ารักครับ ทั้งตุ๊กตาจริงๆ และคนที่รับบทบาทเป็นตุ๊กตา ใครดูอาจจะรู้สึกรักข้าวของเก่าๆ ของท่านได้ครับ (ถ้าอินกับภาพยนตร์) แต่ผมรักตุ๊กตาตัวนั้นจังครับ (…น่ารักมาก^^)
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 2.50 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies D - F Tagged with: รีวิวหนัง The Doll Master, รีวิวหนังผี, รีวิวหนังสยองเกาหลี, หนังผีเกาหลี, หนังสยองขวัญเกาหลี
The Devil’s Backbone (2001)
El Espinazo del diablo
นำแสดง: Eduardo Noriega (Jacinto), Marisa Paredes (Carmen), Federico Luppi (Casares), Fernando Tielve (Carlos), Inigo Garces (Jaime), Irene Visedo (Conchita), Jose Manuel Lorenzo (Marcelo), Francisco Maestre (El Puerco as Paco Maestre), Junio Valverde (Santi), Berta Ojea (Alma), Adrian Lamana (Galvez), Daniel Esparza (Marcos), Miguel Ortiz, Juan Carlos Vellido, Javier Gonzalez (Owl as Javier Gonzalez Madrigal)
กำกับ: Guillermo del Toro
เขียนบท: Guillermo del Toro, Antonio Trashorras
ประเภท: Mystery / Horror / Thriller / Fantasy
– – What is a ghost?
A tragedy condemned to repeat itself time and again?
An instant of pain perhaps.
Somthing dead which still seems to be alive.
An emotion suspended in time.
Like a blurred photograph.
Like an insect taped in amber – –
เปิดเรื่องได้น่าสนใจทีเดียวสำหรับผลงานของ Guillermo del Toro ผู้กำกับชาวแม็กซิกัน ที่กำกับหนัง Horror สร้างชื่ออย่าง Cronos (1993), Mimic (1997) จนถึงเรื่อง The Devil’s Backbone, Blade II (2002), Hellboy (2004) และ The Labyrinth of the Faun (2006) เพื่อนๆ คงจะผ่านตา และคุ้นเคยกับหนังเรื่อง Blade II และ Hellboy กันไปบ้างนะครับ นั่งแหละ ฝีมือของ Guillermo del Toro เขาแหละ
The Devil’s Backbone เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงยุค 1939 ในยุคที่เรียกกว่าเกิดสงครามกลางเมืองในสเปน สามปีให้หลัง บ้านเมืองเริ่มสงบลง เนื้อเรื่องกล่าวถึงสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า หนึ่งในสถานที่ที่เคยถูกโจมตีด้วยระเบิดขนาดใหญ่มาแล้ว แต่มันด้าน ไม่ระเบิด และที่สำคัญ ไอ้ระเบิดดังกล่าวมันยังปักเป็นอนุสรณ์สถานอยู่ที่สถานที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้อยู่เลย
Carlos เด็กชายวันกำลังมีพัฒนาการ จำต้องมาอยู่ในสถานที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ด้วย เขาเริ่มรู้สึกแปลกๆ กับสถานที่แห่งนี้ จนวันหนึ่งสิ่งที่เรียกว่า “One who sighs” ก็ปรากฏตัวให้เขาเห็น…นั่นคือ ผีเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ที่ชื่อ Santi เด็กผู้ถูกฆ่าจากบุคคลภายในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ ผู้ต้องการชำระแค้นที่เกิดขึ้นในคืนแห่งสงคราม!
หนังลึกลับด้วยกลิ่นอายความเป็นหนัง ‘ผี’ เต็ม ๆ ไม่ใช่หนังปีศาจ หนังสัตว์ประหลาด หรือหนังซอมบี้ นี่เป็นหนังผี ที่วิญญาณวนเวียนเต็มไปด้วยความแค้นที่ยังไม่ได้ล้าง! การถ่ายทำมุมกล้อง การตัดต่อ ทำได้ชวนระทึกตลอดเวลา เป็นหนังย้อนยุคอีกเรื่องที่ทำออกมาได้ไม่น่าเบื่อเลย หนังเรื่องนี้ถูกนำไปเปรียบเทียบกับ The Others หนังในปีเดียวกันที่ทำออกมาได้บรรยากาศของ ‘ผี’ จริงๆ เหมือนกัน ใครชอบแบบไหน ก็แล้วแต่ละคนจะพิจารณาดูกันเอาครับ
แต่ เอ๊ะ!…ห้าปีต่อมาหลังจากเรื่องนี้ออกฉาย หลายๆ ส่วนในหนังเรื่องนี้ ไปปรากฎให้เราคุ้นๆ ในหนังผีไทยเรื่องไหนนาา…เอาไปคิดกันดูครับ ^^
โดย ศร-รณ (ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating : 5.00 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies D - F Tagged with: ผลงานผู้กำกับ Guillermo del Toro, รีวิวหนัง The Devil's Backbone, รีวิวหนังผี, รีวิวหนังสยอง, รีวิวหนังสยองขวัญ, หนังผี The Devil's Backbone, หนังผีสยอง
The Descent (2005)
นำแสดง: Shauna Macdonald(Sarah), Natalie Jackson Mendoza(Juno), Alex Reid(Beth), Saskia Mulder(Rebecca), MyAnna Buring (Sam), Nora-Jane Noone (Holly), Oliver Milburn (Paul), Molly Kayll (Jessica)
กำกับและเขียนบท: Neil Marshall
ประเภท: Adventure / Horror / Thriller
Neil Marshall ผู้กำกับที่สร้างชื่อมาจากหนังเรื่อง Dog Soldiers ถูกยกให้เป็นหนึ่งในผู้กำกับหนังคัลต์ของอังกฤษ กลับมาสร้างหนังสยองผสมผจญภัยในชื่อ The Descent ตอกย้ำความสำเร็จและชื่อเสียงในฐานะผู้กำกับหนังคัลต์…และหนังเรื่องนี้นี่แหละ ที่ทำให้แฟนหนังยอมรับความสามารถของเขาอย่างไม่มีข้อกังขา
หนังเริ่มต้นขึ้นด้วยเหตุการณ์อุบัติเหตุทางรถยนต์ การสูญเสียสามี และลูกสาวของหญิงสาวคนหนึ่ง…หนึ่งปีต่อมา เพื่อนของหญิงสาวผู้สูญเสียได้นัดแนะให้เพื่อนๆ ที่ไม่ได้พบกันนาน กลับมาเจอกันอีกครั้ง เรื่องราวของหญิงสาวทั้ง 6 คนจึงเริ่มต้นขึ้น หนังเดินเรื่องกว่าครึ่งชั่วโมงด้วยการปูพื้นฐานบุคลิกลักษณะนิสัยที่แตกต่า งกันของหญิงทั้งหก ด้วยฉากผจญภัยการสำรวจถ้ำ เหตุการณ์เริ่มตึงเครียดขึ้นเมื่อหินในถ้ำถล่มลงมาปิดทางออก สาวทั้ง 6 จึงต้องหาทางออกจากถ้ำให้ได้ ในช่วงหลังของหนังเป็นฉากที่เต็มไปด้วยความรุนแรง สยองขวัญหลังจากที่สาวทั้ง 6 ต้องผจญ กับสิ่งประหลาดใต้ดิน ภาพ เสียงประกอบ ฉาก จนถึงบทบาทการแสดงที่แม้จะมีตัวละครเพียง 6 คน แต่ก็สามารถตรึงอารมณ์คนดูได้ชะงัก
ต้องบอกเลยว่า นักแสดงทั้ง 6 มีความสามารถเฉพาะตัวในการใช้กล้ามเนื้อ ปืนป่ายถ้ำอย่างมาก ทาง Neil Marshall ได้คัดเลือกนักแสดงจากศูนย์ Rock Climbing ด้วยตัวเอง คุ้มค่ามากครับ ! ที่ได้นักแสดงทั้งหกนี้
นอกจาก The Descent จะชนะใจคนดู ผู้รักหนังแนวสยองแล้ว ตัวหนังยังได้รับการยอมรับ ชนะรางวัล British Independent Film Award สาขา Best Director: Neil Marshall, Best Technical Achievement: Jon Harris ปี 2005 และยังได้เข้าชิงรางวัล IFTA Awards สาขา Best Supporting Actress in a Feature Film: Nora-Jane Noone อีกด้วย
ใครเคยดูและชื่นชอบ Dog Soldiers จากฝีมือการกำกับของ Neil Marshall มาแล้ว รับรองว่าดู The Descent ได้อย่างไม่ผิดหวังแน่นอน…มีหนังลิขสิทธิ์ทำออกมาด้วยครับ ลองติดตามหามาดูได้เลย
โดย ศร-รณ (aka กระตุกจัง)
Rating: 5.50 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies D - F Tagged with: the Descent movie review, รีวิวหนัง the Descent, รีวิวหนังสยองขวัญ, หนังสยอง Neil Marshall