All Night Long (1992)
Ooru naito rongu
นำแสดง: Eisuke Tsunoda (Suzuki Kensuke), Ryosuke Suzuki (Saito Shinji), Yoji Ietomi (Tanaka Tetsuya), Hiromasa Taguchi (Tamari), Third Nagashima (Phantom Killer), Sachiko Wakayama (Yoshiko), Yumi Goto (Eri), Ryoka Yuzuki (Girl at the train crossing as Ayumi Nagashii), Yumi Kayama (Yoko), Ken’ichi Mori (Delinquent Leader)
กำกับและเขียนบท: Katsuya Matsumura
ประเภท: Horror / Drama
เด็กหนุ่มวัยกระเตาะสามคน ที่มีพื้นฐานครอบครัว ที่มา และนิสัยที่แตกต่างกัน ต้องมาร่วมชะตากรรมตกอยู่ในสถานการณ์ที่ หนุ่มวัยทำงานบ้าคลั่งคนหนึ่งฆ่าเด็กนักเรียนสาวสวยที่ยืนรอข้ามทางรถไฟ ทำให้เด็กหนุ่มทั้งสามกลายเป็นเพื่อนกัน
เหตุการณ์รุนแรงขึ้นเมื่อ แฟนสาวของเด็กหนุ่มหนึ่งในสามถูก พวกกลุ่มวัยรุ่นหัวรุนแรงทำร้าย ข่มขืน และฆ่าอย่างเลือดเย็น ทำให้ทั้งสามร่วมมือกันชำระล้างแค้น…
All Night Long ค่ำคืนอันยาวนาน
ปฐมบทของมหากาพย์หนังอินดี้โรคจิตที่สร้างชื่อให้ Katsuya Matsumura โด่งดังไปทั่วโลก กับหนังภาคแรกที่ยังมีความเป็นมนุษย์ และอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง ก่อนที่ Katsuya Matsumura จะทำหนังป่วนจิต เลือดสาด และเพี้ยนวิตถารในภาค 2 และ 3 ต่อ ๆ ไป (ยังมี 4 , 5.. ต่อ ๆ ไปอีกด้วย)
Matsumura ใช้ตัวละครเด็กวัยรุ่นที่มีพฤติกรรมเก็บกด แอบจิต ขี้กลัว ขี้อาย เป็นพฤติกรรมของเด็กที่ต้องใช้ชีวิตโดดเดี่ยวในเมืองใหญ่อย่างโตเกียว เมืองที่ผู้อ่อนแอมักจะโดนรังแกเสมอ เราจะเริ่มเห็นได้ตั้งแต่ในภาคแรกนี้ว่าท้ายที่สุดแล้วนั้น ผู้ที่ดูจะอ่อนแอ กลับมีด้านมืดที่ดูจะแฝงไปด้วยความรุนแรง ที่พร้อมจะระเบิดออกมาได้เสมอจนเราไม่อาจคาดเดาในตอนท้ายได้เลยว่า หนังจะออกมาในรูปแบบไหน
พูดถึงฉากมาตรฐานจิตซ่านของ Matsumura ในเรื่องนี้ยังไม่ฉายให้เห็นความโหด เหี้ยม ผิดมนุษย์สักเท่าไรครับ แต่ก็ใช่ว่าจะมองข้าม All Night Long ตอนแรกนี้กันไปซะนะ แม้จะไม่มีฉากเพี้ยน จิตซ่าน หรือวิตถารผิดมนุษย์ก็ตาม แต่มันก็เสมือนปฐมบทความโหดเหี้ยมที่จะได้ดูกันต่อๆ ไปใน All Night Long 2, 3 ..
หนึ่งในหนังจิตป่วนที่แนะนำให้เก็บสะสมไว้เป็นคอแลคชั่นของท่านครับ ^^
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 4.50 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies A - C Tagged with: Japanese Horror Movie reviews, รีวิวหนังของ Katsuya Matsumura, รีวิวหนังญี่ปุ่นโรคจิต All night long
Agitator (2001)
Araburu tamashii-tachi | The Outlaw Souls
นำแสดง: Masaya Kato, Naoto Takenaka, Mickey Curtis, Yoshiyuki Daichi, Hakuryu, Masato Ibu, Renji Ishibashi, Aya Kawamura, Hiroki Matsukata, Takashi Miike (Shinozaki), Ryosuke Miki, Koji Tsukamoto
กำกับ: Takashi Miike
เขียนบท: Shigenori Takechi (บทภาพยนตร์ และนวนิยาย)
ประเภท: Crime / Drama / Action
หนึ่งในหนังหลายสิบเรื่อง (ตอนนี้ 70 เรื่องได้ละมั้ง) ของผู้กำกับ Takashi Miike ที่มีความสมจริง ไม่เพี้ยนผิดมนุษย์ หรือโหดผิดธรรมชาติ หลายคนรู้จัก Miike จากหนังเรื่อง Audition , Ichi The Killer, Visitor Q หรือ One Missed Call จึงนึกเหมาไปว่าลุง Miike แกทำได้แต่ หนังจำพวกเพี้ยนผิดมนุษย์ไปซะหมด Agitator เป็นหนังที่ไม่เพี้ยน ไม่โหดเลือดสาด ไม่ใช่หนังผีผมยาวไต่ลงมาจากเพดานบ้าน หรืออ่างอาบน้ำ แต่เป็นหนัง ยากูซ่า ที่เต็มไปด้วยอารมณ์แบบ Drama ผสาน Action สุดเข้มข้น กับความยาวหนังถึง 150 นาที หรือประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ออกฉายในปี 2001 ซึ่งเป็นปีเดียวกับหนังสร้างชื่อของเขานั่นคือ Ichi The Killer, Visitor Q, The Happiness of the Katakuris (ในปี 2001 มีผลงานของ Miike ออกมาถึง 7 เรื่อง!)
เรื่องเริ่มต้นขึ้นเมื่อหัวหน้าใหญ่แก๊งยากูซ่าดับชีวิตลงจากการลอบสังหาร โดย ผู้มีอิทธิพลที่อยู่เบื้อง หลังที่ต้องการจะเป็นหนึ่งในอาณาเขตการปกครองในกรุงโตเกียว แต่ทว่าเรื่องราวไม่ได้จบลงง่ายๆ ลูกน้อง ระดับอาวุโส (Naoto Takenaka : นักแสดงอาวุโสสุดเก๋าแห่งญี่ปุ่นที่เราอาจจะคุ้นหน้า เขาได้จากภาพยนตร์ซีรียส์อย่างเรื่อง Good Luck! ที่มีพระเอกทาคูยะแสดง และในเรื่อง Water boys ในจนถึง Swing Girls) ที่จงรักภักดียังอยู่จึงต้องการชำระแค้น แม้จะมีเสียงคัดค้านจาก ลูกน้องระดับอาวุโสคนอื่นๆ ก็ตาม นอกจากเขาแล้ว ยังได้ลูกน้องที่เรียกว่าเดินตามเส้นทางยากูซ่า ด้วยกันมามากกว่า 20 ปี อีกคน (แสดงโดย Masaya Kato) คอยช่วยเหลือ และเขาคนนี้แหละ เป็นคนแก้แค้น และจัดการให้เรื่องราวทุกอย่างจบลงในสไตล์ที่เขามักจะพูดเสมอในหนังว่า “…ก็เรา เป็นยากูซ่านิ และนี่แหละคือวิถีในแบบของยากูซ่า”
Agitator เป็นหนัง Old School Yakuza ที่เดินตามขนบธรรมเนียมความเป็นยากูซ่ายุค 70’s ได้อย่างมีสเน่ห์ เนื้อหาเข้มข้นด้วยการชิงไหว ชิงพริบ หักหลังเพื่อแย่งชิงเป็นผู้นำยากูซ่า เข้มข้น ด้วยความเป็นดราม่าในเนื้อหาที่สื่อให้เห็นถึงการชำระความแค้น ทดแทนบุญคุณ ระหว่างลูกพี่ ลูก น้องที่ไม่ได้เป็นสายสัมพันธ์ ญาตมิตร พี่น้อง แต่เป็นสายสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องที่ช่วยเหลือกันมาจน เป็นความผูกพันธ์ชนิดที่ตายแทนกันได้
Agitator เป็นผลงานการประพันธ์นวนิยายของ Shigenori Takechi ซึ่งเขียนบทภาพยนตร์ใน เรื่องนี้ด้วย หลังจากที่ Miike เอางานของ Shigenori มาทำเป็นหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ทั้งคู่ก็ ผลิตผลงานออกมาด้วยกันอีกหลายเรื่อง โดยมี Shigenori เป็นผู้เขียนบทภาพยนตร์ให้ Miike อาทิ Graveyard of Honor(2002), Deadly Outlaw (Violent Fire) (2002), The Man in White(2003) , Yakuza Demon(2003) เป็นต้น
ใครเป็นแฟนหนังยากูซ่าขอแนะนำครับ
ใครเป็นแฟนหนัง Miike ห้ามพลาด!
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 5.50 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies A - C Tagged with: รีวิวหนัง Agitator, รีวิวหนัง Takashi Miike, รีวิวหนังยากูซ่า, รีวิวหนังโหด, หนัง Takashi Miike
Are You Scared (2006)
นำแสดง: Carlee Avers (Laura), Brad Ashten, Soren Bowie, Caia Coley (Detective Wilkins), Erin Consalvi (Cherie), Brent Fidler (Shadow Man), John Joly (Tool Store Manager), Alethea Kutscher (Kelly), Amy Lyndon (Kelly’s Mom), Kariem Markbury, Mick Minh Nguyen (Forensic Technician)
กำกับและเขียนบท: Andy Hurst
ประเภท: Horror / Thriller
Are you Scared หนังของ “Andy Hurst” ผู้กำกับและคนเขียนบท ที่ฝากฝีมือการเขียนบทไว้กับหนังเรื่อง Wild Thing 2 (2004), Single White Female 2 (2005) และการเป็นผู้ช่วยผู้กำกับเรื่อง House of the Dead 2 (2005) ผมว่า ผู้กำกับ คนเขียนบทคนนี้มีฝีมือนะครับ โดยเฉพาะหนังในแบบ Thirller พล๊อตเนื้อเรื่อง Wild Thing 2 และ SWF 2 ก็ใช้ได้ทีเดียว แต่ไม่ทราบนึกยังไงมาทำหนัง Horror ชื่อ “Are you scared” ที่เพื่อนๆ กำลังอ่านอยู่นี่แหละ…
“6 หนุ่มสาวตื่นขึ้นมา และพบว่าตนอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย มันคือโกดังร้าง แต่มันคือที่ไหนกัน ไม่มีใครในพวกเขาล่วงรู้ พวกเขารู้เพียงว่า ณ เวลานี้ เขากำลังกลายเป็นเพียงผู้เล่นในเกมเรียลลิตี้สุดสยองอย่างไม่คาดคิด พวกเขาต้องเผชิญกับเกมท้าทายจิตวิทยาต่างๆ อันชวนหลอน และล่อหลอกให้จิตหลุดในทุกขณะ แล้วพวกเขาจะทำอย่างไร กับเกมโชว์วิปริตที่ไม่เคยมีใครแม้สักคนผ่านมันไปได้!” – คำโปรยหลังวีซีดี Are you scared
ผมว่าแฟนหนัง Horror ร้อยทั้งร้อย ต้องเคยผ่านตากับหนังเรื่อง SAW นะครับ จากหนังอินดี้ต้นทุนต่ำที่ทำออกมาได้ดังเปรี้ยงปร้างชนิดที่ผู้กำกับเองยังไม่คาดคิด จะว่าไป พูดแบบไม่เลวร้ายก็ต้องบอกว่า Are you scared ก็ได้รับแรงบันดาลใจจากหนังเรื่อง SAW เช่นกัน หากจะพูดให้มันเลวร้ายไปกว่านั้น ก็ต้องบอกว่า นี่คือ Clone ของหนังเรื่อง SAW ก็ว่าได้
หนังใช้พล๊อตจากเกมเรียลลิตี้ ที่ต้องบอกว่า ตั้งแต่ต้นยุค 2000 เป็นต้นมา ทั้งต่างประเทศและบ้านเรา เกิดกระแสเกมในแบบเรียลลิตี้ที่ฮิตฮอตสุด ๆ จริงๆ Andy Hurst ก็ใช้พล๊อตตรงนี้แหละมาเขียนบท โดยที่ลีลาความโหด บุคลิกลักษณะของตัวละครแต่ละตัว การลำดับภาพ มุมกล้อง ที่พยายามจะ clone หนังเรื่อง SAW มาเต็มๆ ! มีเพียงเรื่องราวช่วงท้ายของหนังเท่านั้นที่พยายามจะฉีกบทให้กลายเป็นความแก้แค้นส่วนตัว เพื่อที่จะบอกผู้ชมว่า ฉันไม่ได้ลอกหนังใครมานะเฟ้ย! มีที่มาที่ไปที่แตกต่างกัน…ใครได้ดูก็ลองตัดสินกันเอาเองครับ นี่เป็นเพียงทัศนะส่วนบุคคล
คงไม่ต้องบรรยายอะไรเกี่ยวกับตัวหนังให้มากมายครับ ผมคิดว่าใครที่ได้อ่านก็พอจะเดาออกแล้วว่า ในหนังเรื่องนี้จะต้องพบเจออะไรบ้าง หนังเรื่องนี้มีลิขสิทธิ์จัดจำหน่ายโดย โรส วิดีโอ ครับ หนังถูกเซ็นเซอร์ไปตามระเบียบของกุหลาบแดง ใครสนใจก็ติดตามกันได้ แต่ถ้าให้ผมแนะนำก็จะบอกว่า เก็บเงิน 19 บาท ไปซื้อ วีซีดีเรื่องอื่นดูดีกว่าครับ
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 1.50 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies A - C Tagged with: horror movie reviews, รีวิวหนังสยองขวัญ Are you scared, หนังแนวเดียวกับ SAW
Aftermath (1994)
นำแสดง: Xevi Collellmir, Jordi Tarrida, Angel Tarris, Pep Tosar
กำกับและเขียนบท: Nacho Cerda
ประเภท: Horror / Short
“Aftermath” หนังสเปนเรื่องนี้ ถูกนำไป split คู่กับเรื่อง Genesis ที่กำกับและเขียนบทโดย Nacho Cerda เช่นกัน ทั้งสองเรื่องเป็นหนังสั้นสไตล์ Horror สุดแหวะ ในสไตล์เผ่าพันธุ์กระทิงดุ เท่าที่ทราบมา Genesis จะดูแรงน้อยกว่า Aftermath ครับ แต่สำหรับ Genesis นั้น ผมยังไม่มีโอกาสหามาดูเหมือนกัน ใครพอทราบเรื่อง รีวิวส่งมาให้อ่านกันด้วย เอาเป็นว่าใครยังไม่รู้จัก Nacho Cerda ผู้กำกับเผ่าพันธุ์กระทิงดูคนนี้ ก็มาเริ่มทำความรู้จักกันได้ในเรื่อง Aftermath นี้ครับ
เรื่องราวเริ่มต้นแสดงให้เห็นบรรยากาศห้องผ่าศพในโรงพยาบาล การทำงานของเจ้าหน้าที่ผ่าศพสองคน ที่กำลังง่วนในการชำแหละศพอย่างเอาเป็นเอาตาย เป็นการผ่าศพ ที่ดูเหมือนจะเอาศพจริงๆ มาผ่าการชำแหละทุกสัดส่วนในร่างกาย การเอาคีมงัด ดึง ทึ้ง รั้ง จนถึงการควักตับ ไต ไส้ พุง และสมอง มันเต็มไปด้วยความสมจริงเกินพรรณนา
เรื่องดำเนินมาที่เจ้าหน้าที่ผ่าศพคนหนึ่ง ให้เห็นศพของหญิงสาวที่ตายจะอุบัติเหตุทางรถยนต์นอนอยู่บนเตียง เขาเริ่มส่อแสดงอารมณ์ทางเพศด้วยการเข้าไปลูบไล้ตั้งแต่ใบหน้า จนถึงร่างกายของศพอย่างช้าๆ ก่อนที่จะนำเธอจัดวางในท่าเตรียมพร้อม (โดนชำชำแหละและชำเรา) เจ้าหน้าที่ผ่าศพโรคจิต เริ่มปลดเปลื้องอาภรณ์ของศพอย่างช้า ๆ ด้วยกรรไกรผ่าตัดอันแหลมคม เขาแหวะกะโหลกหล่อนออกมา ก่อนที่ภาพจะตัดมาที่สมองเปลือยเปล่าที่โดนควักออกมา เจ้าหน้าที่ผ่าศพโรคจิต เริ่มใช้มีดกระสวกไปบนร่างกายของศพถี่ยิบ จนอกเปลือยเปล่าเละไปด้วยเลือด เขาบีบนมของศพที่คลุกเคล้าไปด้วยเลือด อีกมือหนึ่งก็เริ่มปลุกอารมณ์น้องชายตัวเองอย่างเมามันจนกระทั่งสำเร็จกิจ เจ้าหน้าที่โรคจิตได้ถ่ายภาพบันทึกศพหญิงสาวที่เต็มไปด้วยเลือดไว้เป็นที่ระทึก เฮ้ย! ระลิก เฮ้ย! ระลึก…
นอกจากนั้นไม่มือ เจ้าหน้าที่โรคจิต วางกล้องพร้อมกดบันทึกการถ่ายทอด ก่อนที่จะลงมือกระโดดขึ้นคร่อมศพที่เต็มไปด้วยเลือด เอาน้องชายยัดลงไปในน้องสาวของหล่อน กล้องถ่ายรูป Nikon ปล่อยแฟลชบันทึกภาพทุกห้าวินาที เป็นช๊อต ๆ ไอ้โรคจิตชำเราศพอย่างเมามัน จนเสร็จสิ้นกิจอีกครั้ง มันหมดแรงไปพร้อมกับนอนกกกอดศพอยู่อย่างอบอุ่น ภาพตัดให้เห็นว่า การกระทำชำเราศพ ไม่ได้ทำเพียงครั้งเดียว ฟิล์มหมดไปสองม้วน วิสกี้หมดไปอีกหนึ่งเหลี่ยม ไอ้เจ้าหน้าที่โรคจิตนำอวัยวะภายในของเธอมาเชยชม ก่อนที่จะเก็บ’หัวใจ’ ของเธอใส่ถุงกลับบ้าน นอกนั้น มันจัดแจงยัดกลับไปในตัวเธอ พร้อมปิดปากถุง ลบล้างรอดเลือดเรียบร้อย…ภาพที่เราได้เห็นหลังจากเจ้าหน้าที่โรคจิตกลับบ้าน คือ มันนำหัวโจดวงน้อยๆ ของศพที่มันเพิ่งชำเรา บ่น ปั่น ให้ละเอียด พอเคี้ยวกรึ๊บๆ ให้หมาที่บ้านกินสบายใจ… โอ้ แม่เจ้า..ไมไม่แบ่งให้กินบ้างวะ!…
ภาพสุดโหดที่มีเพียงคำบรรยายถึงชีวิตหลังความตายในช่วงแรกของหนัง หลังจากนั้น Nacho Cerda ใช้เพียงภาพแทนคำพูด และความหมายทุกอย่าง ภาพที่เต็มไปด้วยอาการของคนโรคจิตคุกรุ่นไอเลือด ประกอบเสียงเพลงคลาสสิก ออเครสต้า และเสียงเพลงที่ใช้ร้องในโบสถ์สุดโหยหวย ภาพซาวดน์ในแบบ Goth สร้างอารมณ์ ขัดสีด้วยไวโอลินโอดครวญคราง กระตุ้น ปลุกเร้าอารมณ์ ให้ (ชิวหา) พาเพลิน กลืนน้ำลาย เอิ้ก เอิ้ก…เอาเป็นว่าใครอยากรู้จัก ภาพในหัวสมองของผู้กำกับ Nacho Cerda ที่วาดออกมาให้เราชมกันใน Aftermath ก็ลองไปเสาะหากันดูเอาครับ
เท่าที่ทราบมา เรื่อง Aftermath เหมือนจะได้แรงบันดาลใจจากชีวิตจริงของผู้นิยมรักใคร่ร่วมกับศพ ในกรณีศึกษาของ Karen Greenlee หญิงสาวที่ถูกจับเข้าคุกในกรณีที่เข้ายุ่งเกี่ยวกับศพ คำรับสารภาพในจดหมายของเธอ เธอได้แสดงความเสียใจที่ได้เข้าไปมีความสัมพันธ์กับศพเพศชายที่มีอายุช่วย 20 – 40 ปี เธอได้กล่าวถึงเหตุผลที่เธอได้ทำลงไป เพราะอะไร มันเป็นความรัก หรือความสัมพันธ์ชั้นใดที่ไม่อาจจะเปิดปากพูดออกมา…หากสนใจ ลองเสาะหาบทสัมภาษณ์ของเธอมาอ่านกันได้ครับ ผมว่าในกรณีของ Karen ก็เป็นเหตุการณ์ที่ทำออกมาในหนังประมาณพวก Nekromantik และนี่ก็คงเป็นหนึ่งในหนังจำพวกรักร่วมศพ ที่เป็นศพจริงๆ มีความสมจริง มากกว่า Nekromantik หลายเท่า และนี่คือความน่าสนใจใน Aftermath
ลองอ่านตัวอย่างบทสัมภาษณ์ของเธอกันดูครับ
Q: The question I am most often asked is, “How does she do it?”
A: Yes, that’s the question! People ask questions like that– even people who seem pretty cool, seem to have open minds– then when you tell them, they say, “That’s very interesting,” then don’t want to have much to do with me. I don’t mind telling people how I do it. It doesn’t matter to me, but anyone adept sexually shouldn’t have to ask. People have this misconception that there has to be penetration for sexual gratification, which is bull! The most sensitive part of a woman is the front area anyway and that is what needs to be stimulated.
Besides, there are different aspects of sexual expression: touchy-feely, 69, even holding hands. That body is just lying there, but it has what it takes to make me happy. The cold, the aura of death, the smell of death, the funereal surroundings, it all contributes.
Q: The smell of death?
A: Sure, I find the odor of death very erotic. There are death odors and there are death odors. Now you get your body that’s been floating in the bay for two weeks, or a burn victim, that doesn’t attract me much, but a freshly embalmed corpse is something else.
There is also this attraction to blood. When you’re on top of a body it tends to purge blood out of its mouth, while you’re making passionate love .. You’d have to be there, I guess.
“นำมาจากบทความของ Jim Morton ครับ”
หนังสั้นเรื่องนี้ได้รับรางวัลชนะเลิศ Best Short Film : Nacho Cerda ในเทศกาล Fant-Asia Film Festival ในปี 1997 ด้วย น่าสนใจไม่น้อยเลยแหละ…
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 5.00 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies A - C Tagged with: Aftermath หนังโรคจิต, horror movie reviews, คนมีอะไรกับศพ, รีวิวหนังสยองขวัญ, รีวิวหนังเรื่อง Aftermath
Adrift (2006)
Godspeed | Open Water 2 : Adrift | วิกฤติหนีตาย ลึกเฉียดนรก
นำแสดง: Susan May Pratt (Amy), Richard Speight Jr. (James), Niklaus Lange (Zach), Ali Hillis (Lauren), Cameron Richardson (Michelle), Eric Dane (Dan), Wolfgang Raach (Amy’s Father), Alexandra Raach (Little Amy), Alfred Cuschieri (Old Fisherman)
กำกับ: Hans Horn
เขียนบท: Adam Kreutner, Collin McMahon (additional dialogue)
ประเภท: Thriller
เรื่องย่อ: กลุ่มเพื่อนเก่า 6 คนที่พบกับประสบการณ์สุดสยองเมื่อพวกเขากระโดดลงไปว่ายน้ำเล่นโดยลืมหย่อนบันไดสำหรับปีนกลับลงไป และเรืออยู่สูงเกินกว่าจะปีนขึ้นมาได้ พวกเขาต้องลอยคอกลางทะเลลึกซึ่งห่างจากฝั่งหลายไมล์โดยไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากฝั่งได้ ยิ่งไปกว่านั้น หญิงสาวคนหนึ่งในกลุ่มยังเป็นโรคกลัวน้ำและต้องช็อคกับความจริงที่ว่าลูกสาวทารกของตัวเองถูกทิ้งอยู่บนเรือเพียงลำพัง เมื่อต้องเจอกับความกดดัน และอันตรายที่มองไม่เห็น สุดท้ายชะตากรรมของพวกเขาจะเป็นอย่างไร
วิกฤติหนีตาย ลึกเฉียดนรก
Adrift หนังภาคต่อของ Open Water ที่ออกฉายในปี 2005 โดยในภาคนั้นได้ปลุกกระแสให้คนกลัวฉลามขึ้นทั่วโลก โดยเนื้อหาพูดถึงคน 2 คนที่ต้องลอยคออยู่กลางทะเลโดยที่มีฝูงฉลามว่ายวนรอทีท่าให้คนทั้งคู่หมดแรงเพื่อจะกลายเป็นมื้ออาหารอันโอชะของพวกมัน กลับมา Open Water 2 หรือในชื่อว่า Adrift นั้น กลับไม่ได้ขายที่ความเหี้ยมโหดของฉลาม แต่กลับขายความน่ากลัวของพื้นน้ำ กับเหตุการณ์กดดันต่างๆ ที่กลุ่มเพื่อน 6 คนต้องเผชิญ
หนังเรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจสร้างจากเหตุการณ์จริงครับ ภาพที่คุณจะได้เห็นทั้งหมดในภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็ดูสมจริงไม่น้อย เหตุการณ์ต่างๆ เดินไปพร้อมกับบทที่พยายามจะบอกให้เราเห็นถึงภูมิหลังของตัวละครทั้ง 6 คน และเมื่อถึงเหตุการณ์วิกฤติที่คนทั้ง 6 ต้องเผชิญ ตัวหนังสร้างให้เห็นถึงธาตุแท้ และอารมณ์ภายใน ความเป็นตัวตนที่แท้จริงของแต่ละคนออกมาให้เราได้เห็นอย่างโจ่งครึ้ม…จนน่าสะพรึง
ผมไม่ทราบถึงที่มาของเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นเหมือนกัน แต่หลังจากดูเรื่องนี้จบ หลายคนคงคิดเห็นคล้าย ๆ กัน ถึงวิธีการขึ้นเรือที่ทำไมคนทั้ง 6 คนถึงคิดไม่ได้ หรืออาจจะเป็นเพราะว่า หากเราอยู่ในเหตุการณ์จริงแบบนั้นแล้ว เราอาจจะไม่ทันได้คิดได้ลองก็เป็นได้…
ในขณะที่ภาพฉายบนพื้นท้องทะเลกว้างใหญ่ แต่กลับทำให้ผมรู้สึกอึดอัดเหมือนอยู่ในช่องแคบเล็กๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์…ลองไปหาชมกันได้ครับ
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 2.50 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies A - C Tagged with: thriller movie review, รีวิว Adrift, วิกฤติหนีตาย ลึกเฉียดนรก
The Abomination (1986)
นำแสดง: Scott Davis (Cody), Jude Johnson (Sarah), Blue Thompson (Kelly), Brad McCormick (Ike), Suzy Meyer (Shawn), Gaye Bottoms (Girl in Cemetery), Victoria Chaney (Receptionist), Rex Morton (Brother Fogg), Van Connery (Dr. Russell), Bubba Moore (Hiram)
กำกับและเขียนบท: Bret McCormick
ประเภท: Horror / Gore
คุณแม่ผู้เป็นโรคเนื้องอกขั้นรุนแรง แต่ไม่ยอมเชื่อแพทย์แผนปัจจุบัน เธอกลับเชื่อ ‘Brother Fogg’ นักต้มตุ๋นที่ออกทีวีโชว์ ทำตัวเสมือนพระผู้เป็นเจ้าที่จะคอยรักษาผู้เป็นโรคร้ายทั้งหลายทั้งปวงให้หมดสิ้นไป มีอยู่วันหนึ่งเธอนั่งดูรายการของ Brother Fogg และในคืนนั้น เธอได้ไอ จนอ้วกเจ้า เนื้องอกหลุดกระฉอกออกมาจากปากของแม่ เธอคิดว่า เธอหายเพราะเชื่อถือ Brother Fogg แต่ใครจะไปรู้ได้ว่า ไอ้เจ้าเนื้องอกดังกล่าวมันกลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิต ที่คืบคลานเข้าไปในปากของลูกชาย “Cody”
สัตว์ประหลาดตัวน้อยๆ กำลังเติบโตในร่างกายของ Cody ทุกวันทุกคืน ราวกับว่า Cody ถูกครอบงำด้วยบางสิ่งบางอย่าง ทุกครั้งที่เขาไอสำรอกเอาเจ้าเนื้องอกสัตว์ประหลาดออกมา เขาเก็บและเลี้ยงมันไว้ Cody เริ่มออกหาเหยื่อ ประเคนเนื้อมนุษย์สด ๆ ให้เป็นอาหารโอชะมื้อโอชากับสัตว์ประหลาดอันสุดแสนน่าสะพรึง!
หนัง Gore Gut ต้นทุนต่ำ สุดสยองซึ่งเป็นที่กล่าวขานของแฟนหนังสยองเกรดบีทั่วโลก หนังพูดถึงความเชื่อ และสัตว์ประหลาดที่เจริญเติบโตมาจากเนื้องอกในร่างกาย ฉากโหดๆ มีอยู่ตลอดเรื่องแบบไม่ต้องลุ้น ตั้งแต่ฉากการฆ่าปาดคอ ทุบหัว โดยจนถึงภาพอันน่าขยะแขยงของเจ้าตัวประ หลาดหรือที่ในเรื่องเรียกว่า ‘The Abomination’ ฉากที่ Cody ยืนมองแม่ตัวเอง เป็นอาหารอันโอชะของเจ้าสัตว์ประหลาดนั้น สยองหดหู่ไม่น้อยเลยครับ Cody ไร้ความรู้สึกเพราะถูกครอบงำโดยเจ้าปีศาจ ยืนมองแม่ถูกฆ่า ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ อย่างไรความปราณีถือเป็นฉากสุดโหดทั้งภาพ และทำร้ายความรู้สึกกันจะๆ
นอกจากนั้นคงไม่ต้องสาธยายให้มากความครับ หนังประเคนฉากโหด ๆ ใส่อยู่เป็นระยะ ๆ แต่ขอเตือนนิดนึงสำหรับผู้ที่คาดหวังความสมจริงในเรื่องของภาพ แอ็ฟเฟ็กต์ นี่เป็นหนังเกรดบี ต้นทุนต่ำ เพราะงั้นภาพ Gore ในหลายๆ ฉากจึงอาจจะดูขำ ๆ ไปบ้าง โดยเฉพาะภาพที่เจ้าสัตว์ประหลาดกัดกินมือ แขนของเหยื่อที่ดูแล้วคงอดขำไม่ได้ เพราะมันทำได้ไม่สมจริงเลย…แต่นั่นก็เป็นเพียงส่วนยิบย่อยของหนังเท่านั้นครับ อย่าไปใส่ใจมาก
ใครชอบความโหดในแบบหนังยุค 80’s ที่เลือดสาด ดิบ เถื่อน ไม่ปราณีสายตาผู้ชม ในแขนง Gore Gut แล้ว คงต้องบอกว่า ควรหา The Abomination มาดู และเก็บไว้ในครอบครองครับ
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 3.00 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies A - C Tagged with: Horror Gore review, รีวิวหนังสยองขวัญ The Abomination
The Butterfly Effect (2004)
กำกับและเขียนบท: Eric Bress และ J. Mackye Gruber
นำแสดง: Ashton Kutcher (Evan), Melora Walters (Andrea), Amy Smart (Kayleigh), Elden Henson (Lenny), William Lee Scott (Tommy), John Patrick Amedori (Evan at 13), Irene Gorovaia (Kayleigh at 13), Kevin G. Schmidt (Lenny at 13), Jesse James (Tommy at 13), Logan Lerman (Evan at 7), Sarah Widdows (Kayleigh at 7), Jake Kaese (Lenny at 7), Cameron Bright (Tommy at 7), Eric Stoltz (Mr. Miller), Callum Keith Rennie (Jason)
ประเภท: Thriller / Mystery / Sci-Fi
เนื้อเรื่องย่อจากปก: Evan (Ashton Kutcher) หลงเข้าไปในกาลเวลา ในช่วงแรก ๆ ช่วงสำคัญในชีวิตของเขา หายสาบสูญไปกับการหลงลืม ชีวิตวัยเด็กของเขา เต็มไปด้วยเหตุการณ์ที่น่ากลัวมากมายที่เขาจำไม่ได้ สิ่งที่หลงเหลือ ก็คือวิญญาณร้ายของความทรงจำ และชีวิตที่แตกสลายรอบ ๆ ตัวเขา ซึ่งคือชีวิตของเพื่อนวัยเด็กของเขา ได้แก่ Kayleigh (Amy Smart), Lenny (Elden Henson) และ Tommy (William Lee Scott)
Evan เคยอยู่ภายใต้การดูแลของจิตแพทย์ ผู้ที่ซึ่งกระตุ้นให้เขาบันทึกรายวัน โดยจดรายละเอียดเหตุการณ์ในชีวิตของเขาแบบวันต่อวัน บัดนี้เขาอยู่ในมหาวิทยาลัย Evanได้อ่านบันทึกอันหนึ่งของเขา และพบว่าตัวเองถูกผลักให้ย้อนเวลากลับไปในทันใด เขากลับรู้ตัวว่า สมุดจดที่เขาเก็บเอาไว้ใต้เตียง เป็นยานพาหนะซึ่งเขาสามารถย้อนกลับไปยังอดีต และเตือนความทรงจำของเขาได้ แต่ความทรงจำเหล่านี้ ทำให้ Evan รู้สึกต้องรับผิดชอบ กับชีวิตที่พังยับเยินของเพื่อนๆ ของเขา โดยส่วนใหญ่จะเป็นชีวิตของ Kayleigh แฟนในวัยเด็กที่เขายังคงรักอยู่ Evan ตั้งใจเดินทางย้อนกลับไปในอดีต โดยตัดสินใจที่จะทำบางสิ่ง ที่เขาไม่สามารถทำได้ในเวลานั้น จิตใจในปัจจุบัน ได้ครอบครองร่างกายในวัยเด็กของเขา…
ด้วยความพยายามที่จะเขียนประวัติศาสตร์ขึ้นมาใหม่ และช่วยเหลือเพื่อน อีกทั้งคนรักของเขา Evan หวังที่จะเปลี่ยนแปลงปัจจุบัน โดยการเปลี่ยนเหตุการณ์หลายอย่างในอดีต แต่ทุกครั้งที่อีแวนเปลี่ยนบางสิ่งในอดีต เมื่อเขากลับมายังปัจจุบัน เขาพบว่าการกระทำของเขา ทำให้เกิดผลที่ตามมาที่เกินคาดและร้ายแรง ด้วยความพยายามที่เขาสามารถ แต่ดูเหมือนว่า เขาจะไม่สามารถทำให้ความจริงที่ว่า เขาและ Kayleigh จะได้อยู่ด้วยกัน “อย่างมีความสุขตลอดกาล” ได้หรือไม่ ติดตามดูกันนะครับ
“Change one thing, change everything”
หนังเปิดเรื่องด้วยทฤษฎีโกลาหล (Chaos Theory) ที่ว่าแม้ผีเสื้อกระพือปีก ก็อาจส่งผลให้เกิดพายุกระหน่ำ สะเทือนทั้งผืนดินและฟ้าได้ เพื่อนๆ เชื่อมั้ยว่า ทุกๆ สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเราหน่ะมันมีความเชื่อมโยงกันอยู่ และมีผลส่งต่อๆ กันไปเป็นทอดๆ เมื่อทุกอย่างมีจุดเริ่มต้น การถ่ายเทผ่านกันก็เริ่มต้นขึ้น ไม่ใช่จากหนึ่งไปสู่หนึ่ง แต่มันจะส่งผลแรงขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ ครั้งที่มีการส่งต่อ และอาจส่งผลกลับมายังจุดเริ่มต้นในแบบทวีคูณความรุนแรงในวงจรห่วงลูกโซ่ หรือที่เรียกว่า Butterfly Effect
หนัง Thriller ย้อนเวลา เล่นเรื่องราวของอดีต และปัจจุบัน ที่หลังจากออกฉายในปี 2004 ก็ได้รับการกล่าวถึง และยกย่องให้เป็นหนังยอดเยี่ยมแนว Thriller ผสมวิทยาศาสตร์และจิตวิทยา และกลายเป็นหนึ่งในหนัง Thriller ขึ้นหิ้งอีกเรื่อง การนำทฤษฎีข้างต้นมาเล่าด้วยวิธีที่ให้เรื่องราวต่างๆ ไม่ยากเกินกว่าที่ผู้ชมจะเข้าถึง บวกกับพื้นฐานของตัวละครแต่ละตัวที่มีที่มาที่ไปอยู่บนพื้นฐานด้วยความเป็นเหตุและผลได้อย่างพอเหมาะ แม้บางบทบางตอนอาจดูเปล่ง ๆ ไปบ้างก็ตาม แต่ก็มีส่วนเสริมด้วยความเป็นดราม่าเข้มข้นทำให้หนังดูน่าติดตาม และน่าสะเทือนใจในบางบทบางตอน
The Butterfly Effect ภาพยนตร์ที่กำลังแสดงให้คุณเห็นว่า แม้จะมีโอกาสกลับไปแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตได้ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ปัจจุบันและอนาคตดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย และหลายครั้งที่ทำให้เราเห็นได้ว่า ยิ่งแก้ไขมากเท่าไร สิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันยิ่งเลวร้ายหนักข้อขึ้นกว่าเดิมหลายร้อยเท่า!
คนเราจะสามารถกลับไปแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตได้สักกี่ครั้งกันเชียว???
…คำตอบ คือ ไม่ได้เลยสักครั้ง หากทำได้ดีที่สุดคือสิ่งที่คุณทำในปัจจุบัน เพื่ออนาคตดีๆ ที่รอคุณอยู่
แต่หากลองคิดดูเล่นๆ ถ้าคุณกลับไปแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตได้ล่ะ…คุณจะแก้ไขในเรื่องใดบ้าง
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 5.50 / 6.00
ปล. อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับทฤษฎีนี้ได้เพิ่มเติมที่ http://en.wikipedia.org/wiki/Butterfly_effect หรือหาบทความเกี่ยวกับคุณ Edward Norton Lorenz (http://en.wikipedia.org/wiki/Edward_Lorenz) มาอ่านเพิ่มเติมได้ครับ
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies A - C Tagged with: รีวิวหนัง The Butterfly Effect (2004), รีวิวหนังเขย่าขวัญ
Captivity (2007)
กำกับ: Roland Joffe
เขียนบท: Larry Cohen และ Joseph Tura
นำแสดง: Elisha Cuthbert (Jennifer Tree), Daniel Gillies (Gary Dexter), Pruitt Taylor Vince (Ben Dexter)
ประเภท: Crime / Thriller / Horror
“เฮ้ย นาย Dexter Morgan แห่งซีรีส์วายจิตสุดฮิต ‘Dexter’ มาทำอะไรในหนังเรื่อง Captivity วะเนี่ย!?!?” ก็เจ้าตัวละครเอกในเรื่องนี้ ดันเป็นสองพี่น้องที่มีชื่อว่า Ben กับ Gary Dexter ผมได้ยินชื่อของตัวละครทั้งสองคนแล้ว อดนึกขำไม่ได้ว่า ทีวีซีรีส์มันฮิตขนาดแพร่พันธุ์กันไปสู่การสร้างบุคลิกของตัวละครโรคจิต กับนามจิตๆ ที่กลายเป็นแบรนด์จิต ๆ ว่า “Dexter” ไปแล้ว อันนั้นผู้กำกับ Roland Joffe อาจจะมีเจตนาจงใจในการใช้ชื่อนี้ก็เป็นได้…ใครอยากทราบก็ลองไปสืบค้นข้อมูลดูครับ
ผมเคยอ่านข่าวก่อนหน้าที่หนังเรื่องนี้จะเข้าฉายในปี 2007 ว่าเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากข่าวจริงตามหน้าหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับคนหาย โดยเฉพาะผู้หญิงหลายรายที่หายสาบสูญไปโดยไม่ทราบสาเหตุ และไร้ร่องรอย ซึ่งข้อเท็จจริงเหล่านี้แหละเป็นที่มาของหนังเรื่อง Captivity ที่จะมาในแนวเขย่า + สยองขวัญ + จิตวิทยา
หากแต่…
เพื่อนๆ ที่เป็นผู้ชายทั้งหลายครับ คุณเคยอยากจีบหญิงโดยแสร้งทำตัวเป็นฮีโร เป็นพระเอกที่จะคอยช่วยเหลือและปกป้องหญิงคนนั้นมั้ยครับ วิธีการก็เช่น ให้เพื่อนเราอีกคนแกล้งมาแซว มารุมจีบ คุกคามเธอก่อนที่เราจะเข้าไปห้าม หรือปกป้อง แสดงบทบาทของพระเอกขี่ม้าขาวราวละครทีวีน้ำเน่าหลังข่าว
นี่แหละครับ คือพล็อตของเรื่องนี้ที่ผมจับต้องได้…เพียงแต่มันเพิ่มความรุนแรงในการคุกคาม ลักพาตัว กักขัง จนถึงทรมานเข้าไปเท่านั้นเอง นอกนั้นในส่วนของบทภาพยนตร์ต้องบอกเลยว่า เป็นบทที่ไม่ได้มีน้ำหนักหรือให้ความสำคัญอะไรกับเรื่องคนหายโดยไม่ทราบสาเหตุที่เป็นแรงบันดาลใจในการทำเรื่องนี้แม้แต่น้อย…โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อบทหนังดำเนินไปถึงจุดที่นางเอกไว้วางใจฮีโร่ขี่ม้าขาวของเธอที่เข้ามาช่วยเธอ ปกป้องเธอไว้ ซึ่งแม้ยามในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน เลือด เนื้อ จะท่วมจออยู่แล้ว พวกท่านทั้งสองก็ยังมีอารมณ์ที่จะมี Sex ได้อย่างถึงพริกถึงขิง…เป็นการยัดเยียดฉากเหล่านี้กันเกินไปหรือเปล่า…หนังไร้เหตุผลสิ้นดี!
พูดถึงฉากสยองกันหน่อยครับ Captivity มาในสไตล์ Torture ตามแบบฉบับของหนัง Torture ยุคใหม่ๆ อย่าง Hostel, Saw (บางสำนักสื่อนำหนังเรื่องนี้ไปเทียบชั้นกับ Silence of the Lambs…ไม่รู้มันเอาอะไรคิด -_-“) ฉากชวนแหวะจึงมีให้เห็นอยู่เป็นระยะๆ ครับ ทั้งฉาก ถอนเล็บ ถอนฟัน ให้เหยื่ออาบน้ำ(กรด) หรือฉากอาหารการกินอย่าง พวกอวัยวะที่ฆาตกรเฉือนเก็บไว้ในตู้เย็น อาทิ หู ตา ไส้ใน ถูกนำมาบดใส่ลงในเครื่องปั่นน้ำผลไม้แล้วจับกรอกลงในปากของนางเอกอย่างไร้ความปราณี..มีสารพัดครับ ใครอยากหามาดูเพื่อความบันเทิงทรมาน ก็ลองดู
หนังสร้างมาจากผลงานการเขียนของ Larry Cohen ผู้สร้างความอึดอัดผ่านโทรศัพท์ในหนัง Thriller เรื่อง Cellular (2004), Phone Booth (2002) ซึ่งผมว่าหนังที่เขาเขียนก่อนหน้านี้ไม่ได้ขี้เหร่เลย แต่พอมาเรื่องนี้…จากหน้ามือกลายเป็นหลังเท้า สงสัยแกจะไม่ถนัดหนังสไตล์นี้หรือเปล่า แต่ทำออกมาเอาใจตลาด ผมว่าแกน่าจะกลับไปเขียนบทหนังในสไตล์ที่ถนัดดีกว่า
ลืมบอกไป…สาวสวยผู้รับบทเป็น Jennifer Tree ผู้ตกเป็นเหยื่อของพี่น้อง Dexter นั้น รับบทโดย Elisha Cuthbert แห่งซีรียส์ 24 และ The Girl Next Door ครับ ใครเป็นสาวกของเธอก็หาหนังเรื่องนี้มาดูความน่ารัก สดใส และเซ็กส์ซี่เล็กๆ ได้ แต่อย่าไปคาดหวังกับฝีมือในการแสดงล่ะนะ
ไม่ค่อยจะหลงเหลือข้อดีให้ชวนไปหามาดูเลย…เอาเป็นว่าดูได้เพลิน ๆ กับหน้าสวย ๆ น่ารักๆ ของสาว Cuthbert ละกัน
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 2.50 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies A - C Tagged with: รีวิวหนังสยอง Captivity (2007), รีวิวหนังสยองขวัญ, หนังสยองขวัญ
Amusement (2008)
กำกับ: John Simpson
เขียนบท: Jake Wade Wall
นำแสดง: Keir O’Donnell (The Laugh), Katheryn Winnick (Tabitha), Laura Breckenridge (Shelby), Jessica Lucas (Lisa), Tad Hilgenbrink (Rob as Tad Hilgenbrinck), Reid Scott (Dan), Rena Owen (Psychiatrist), Kevin Gage (Tryton), Brennan Bailey (Danny), Preston Bailey (Max)
ประเภท: Horror / Thriller
หนังผูกเรื่องราวชีวิตของสาวสามคน Tabitha, Shelby และ Lisa ก่อนที่จะขมวดปมให้เห็นถึงชีวิตที่มีความเกี่ยวข้องรู้จักกันของทั้งสามสาว กับอีกหนึ่งหนุ่มที่พกความแค้นในวัยเยาว์มาเต็มกระเป๋า
Amusement ใช้วิธีการเล่าเรื่องโดยแบ่งออกเป็นสามพาร์ท กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสามสาว เริ่มต้นที่ชีวิตของ Shelby (นำแสดงโดย Laura Breckenridge) กับแฟนหนุ่ม Rob กำลังขับรถอยู่บนถนนหลวง “เส้นทางอันยาวไกล หากมีรถข้างๆ ขับร่วมทางคงดี มันเหมือนมีเพื่อนขับไปด้วยกัน” Rob พูดให้ Shelby ฟัง ก่อนที่รถของ Rob และ Shelby จะแวะปั๊มน้ำมัน ซึ่งในขณะเดียวกันนั้น ก็มีรถที่เป็นเพื่อนร่วมทางขับเข้าไปในปั๊มเช่นกัน มิตรภาพที่หยิบยื่นให้กันในปั๊มน้ำมันดูเหมือนจะดี แต่กลับเป็นจุดเปลี่ยนให้เกิดเรื่องสยอง เมื่อใครบางคนชักชวนให้ไปอีกทาง เพราะทางหลวงสายหลักนั้นรถติดเหลือหลาย…ไปดูต่อเอาเองนะครับ ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไร เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า…อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคนแปลกหน้าล่ะ
เมื่อ Tabitha (นำแสดงโดย Katheryn Winnick) ต้องไปช่วยคุณป้าดูแลหลานตัวแสบ 2 คน บ้านหลังใหญ่ที่ห้องโถงมีตุ๊กตาตัวตลกไซร์เท่าคนนั่งอยู่กลางห้อง คุณจะตลกออกหรือเปล่า เมื่อไอ้ตุ๊กตาตัวใหญ่นั้นมันเคลื่อนไหวได้ ภาพการไล่ล่าของตุ๊กตามนุษย์เกิดขึ้น ก่อนที่ภาพจะตัดไปที่ห้องสอบสวนคดี และไฟสว่างจ้ากำลังส่องหน้า Tabitha อยู่…
Lisa…เธอปล่อยเพื่อนสาวร่วมห้องไปกับหนุ่มแปลกหน้าในคืนแห่งความสุข เธอกลับพบความทุกข์เมื่อเพื่อนสาวไม่กลับมาห้องสักที เธอกับแฟนหนุ่มออกไปตามหาที่ Pere’s Pension ปราสาทเก่าแก่มาถูกนำมาทำเป็นโรงแรม แฟนหนุ่มของ Lisa ทำตัวเป็นผู้ตรวจการสาธารณสุข เพื่อจะเข้าไปสำรวจในโรงแรมดังกล่าวว่าเพื่อนสาวของ Lisa อยู่ในนั้นหรือไม่ แต่ทว่า…มันนานไปแล้วนะ แฟนของเธอไม่ออกมาสักที Lisa จึงตัดสินใจเข้าไปตามหาเพื่อนของเธอและแฟนหนุ่มด้วยตัวเอง
เรื่องราวของชีวิตของสามสาวมาผูกกันที่ ณ แห่งนี้ และการไล่ล่า ระทึก เขย่าขวัญก็เริ่มต้นขึ้น ภาพย้อนให้เราเห็นถึงที่มาความแค้นของไอ้หนุ่มสุด Sick ที่ถูกสามสาวหัวเราะเยาะในวัยเยาว์ ตัดสลับกับการไล่ล่าชำระแค้นอย่างเมามัน
“หัวเราะเยอะกูดีนัก…ถึงตากูเอาคืนบ้างล่ะนะ”
Amusement หรือ หรรษาสยอง หนังสูตรสยองขวัญ ขายเสียงหัวเราะอันน่าสะพรึง ด้วยแนวคิดแบบหนังจีน… ‘สิบปีแก้แค้นยังไม่สายนะอีหนู’ นายเสียงหัวเราะสุดสะพรึง “The Laugh” คนนี้สงสัยตอนเด็กๆ คุณพ่อ คุณแม่คงเปิดหนังจีนให้ดูเยอะ เลยพกความแค้นเก็บไว้เต็มกระเป๋าก่อนที่จะออกล่าสาวงามทั้ง 3 คนที่ตอนเด็กๆ เคยหัวเราะเยาะกับพฤติกรรมสุดเพี้ยนของนายคนนี้ หนังมาในสูตรสำเร็จการไล่ล่า เขย่าขวัญชนิดที่ให้เราลุ้นได้เพลินๆ
บรรยากาศและอารมณ์ของหนังทำให้ผมนึกไปถึง หนังเทรนด์ไล่ล่าในยุค 90’s อย่าง Scream, I know what you did last summer หรืออย่าง I still know what you did last summer ถ้าหนังเรื่องนี้ทำขึ้นและฉายในยุคนั้นน่าจะประสบความสำเร็จไม่น้อย แต่มาเกิดในยุคนี้ก็ถือว่าดูได้เพลินๆ ครับ ทำให้ผมหยิบไอ้หนังสามเรื่องที่ว่านั้นมาดูเพลินๆ อีกรอบด้วย
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 3.00 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies A - C Tagged with: รีวิวหนังสยอง Amusement (2008), รีวิวหนังสยองขวัญ, หนังสยองขวัญ
The Amityville Horror (2005)
ผีทวงบ้าน
กำกับ: Andrew Douglas
เขียนบท: Scott Kosar (screenplay) และ Jay Anson (novel)
นำแสดง: Ryan Reynolds (George Lutz), Melissa George (Kathy Lutz), Jesse James (Billy Lutz), Jimmy Bennett (Michael Lutz), Chloe Moretz (Chelsea Lutz as Chloe Grace Moretz), Rachel Nichols (Lisa), Philip Baker Hall (Father Callaway), Isabel Conner (Jodie Defeo)
Brendan Donaldson (Ronald Defeo)
ประเภท: Horror / Mystery / Thriller
ภาพยนตร์ที่สร้างจากนิยายที่มาจากเหตุการณ์จริงในปี 1974 เมื่อตำรวจพบเหตุอาชญกรรมสุดสั่นประสาท ขย่มขวัญคนทั้งเมือง เหตุการณ์ที่ครอบครัวตระกูลเดฟิโอ ถูกสังหารหมู่ 6 ศพอย่างเลือดเย็นไม่เว้นแม้แต่น้องสาวคนเล็กที่หลบอยู่ในตู้เสื้อผ้า และฆาตกรเลือดเย็นนั้นก็คือ โรนัล เดฟิโอ จูเนียร์พี่ชายคนโต คนในครอบครัวนั้นเอง! เขาให้การสารภาพว่าได้ยิงพ่อแม่ และพี่น้องทุกคนตายด้วยปืนไรเฟิลขณะที่ทุกคนกำลังนอนหลับ และอ้างว่ามีเสียงประหลาดที่สั่งให้เขาก่อเหตุสยองขวัญนี้
เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น ส่วนคำให้การเรื่องของ “เสียง” ประหลาดที่สั่งให้เกิดการฆาตกรรมหมู่นั้นยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่อย่างกว้างขวางว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แม้แต่ในบ้านเราเองที่หนังเรื่องนี้ออกฉายก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันถึงเรื่องจริงที่เกิดขึ้นอยู่เหมือนกัน ใครสนใจก็ลองหาข้อมูลติดตามอ่านกันดูนะครับ
The Amityville Horror ฉบับปี 2005
กลับมาว่าด้วยเรื่องราวของภาพยนตร์กันต่อ หนัง Amityville Horror เคยถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ก่อนหน้านี้เมื่อปี 1979 โดยฝีมือการกำกับของ Stuart Rosenberg ซึ่งนำงานเขียนขายดีของ Jay Anson มาสร้างเป็นหนังเช่นกับในฉบับปี 2005 นี้
เรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็อย่างที่เกริ่นให้อ่านถึงเหตุการณ์จริงข้างต้น ซึ่งหลังจากนั้นประมาณหนึ่งปีต่อมา George Lutz (Ryan Reynolds) และ Kathy Lutz (Melissa George) และลูกๆ ได้ย้ายเข้ามาในบ้านที่พวกเขาคิดว่าคือบ้านในฝัน แต่หลังจากย้ายเข้ามาไม่นาน เหตุการณ์ประหลาดที่ไม่สามารถอธิบายได้ก็เกิดขึ้น นั่นคือ ภาพสยองและเสียงหลอนจากปีศาจ ที่ยังคงสิงสู่อยู่ในบ้าน
ตัว George มีสภาพที่เปลี่ยนไปจากเดิมมาก เขาถูกสิงโดยผีที่ยังอยู่ในบ้าน ส่วนตัว Kathy ผู้เป็นแม่ พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องลูกๆ ที่น่ารักของเขาทั้ง 3 คน เมื่อ Kathy เริ่มค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องราวที่ต้องคำสาปในบ้านที่เธอและลูกๆ อาศัยอยู่ ก็พบความจริงว่าภายใต้บ้านหลังใหญ่นั้น มีห้องลับที่ไว้ใช้สำหรับการทรมาน และฆ่าพวกอินเดียนแดง ทางเดียวที่จะพ้นสภาพการถูกหลอกหลอนแบบนี้คือ พวกเขาต้องหนีไปให้ไกล และอย่าคิดที่จะหันกลับมามองบ้านหลังนี้อีกเลย!
Katch ‘em! Kill ‘em!…3:15
หนังผีเป็นอะไรที่ใกล้ตัวคนเราอยู่แล้ว วิญญาณอยู่รอบ ๆ ตัวเรานี่แหละ เพราะงั้นหนังผีที่ถูกสร้างจากเรื่องจริง จึงเป็นอะไรที่เข้าถึงคนดูได้ง่ายมาก ฉากอย่างเช่น เจ้าลูกชายคนเล็กปวดฉี่จะราด แต่ไม่กล้าเข้าห้องน้ำเพราะกลัวผี ก็เป็นอะไรที่ใกล้ตัว คุณอาจจะนึกถึงตัวเองตอนเด็กๆ ได้ หนังผีที่เราเห็นหลาย ๆ เรื่อง จะพบว่า เด็กนี่แหละที่มีความใสบริสุทธิ์ที่จะ”เข้าถึง” วิญญาณได้ เราจะเห็นเด็กในหลายเรื่องที่เห็นผี เห็นวิญญาณ หรือแม้แต่พูดคุยกับมัน!
The Amityville Horror ไม่ได้พลาดในรายละเอียดของความน่ากลัวใกล้ตัวที่คนเราจะสัมผัสได้ในชีวิตประจำวัน หนังผีเรื่องนี้ยังได้ผสมผสานเหตุการณ์ฆาตรกรรม ภาพการถูกทรมานน่าสยดสยอง รวมถึงความเป็นดราม่าที่แสดงออกโดยสัญชาตญาณของผู้เป็นแม่ ก็เรียกได้ว่าครบรสความเป็นหนังผีครับ
ใครที่เบื่อหนังผีที่โผล่มา…แฮ่! โผล่มา…แฮ่! หยิบเอาหนังผีเรื่องนี้มาดูได้นะ ผมว่าไม่น่าผิดหวังหรอกครับ เป็นอะไรที่ดูได้สนุกกันทั้งครอบครัว
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 3.50 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies A - C Tagged with: รีวิวหนัง The Amityville Horror (2005), รีวิวหนังผี, รีวิวหนังสยอง, หนังผี, หนังสยองขวัญ