Cannibal ferox (1981)
Make Them Die Slowly | Woman from Deep River | เปรตเดินดินกินสมองคน
นำแสดง: Giovanni Lombardo Radice (Mike Logan as John Morghen), Lorraine De Selle (Gloria Davis), Danilo Mattei (Rudy Davis as Bryan Redford), Zora Kerova (Pat Johnson as Zora Kerowa), Walter Lucchini (Joe Costolani as Walter Lloyd), Fiamma Maglione (Myrna Stenn as Meg Fleming), Robert Kerman (Lt. Rizzo), John Bartha (Brooklyn Mobster), Venantino Venantini (Sgt. Ross), ‘El Indio’ Rincon (Native who helps Gloria)
กำกับและเขียนบท: Umberto Lenzi
ประเภท: Horror / Adventure
ผลงานสุดคลาสสิกอีกเรื่องของ ปู่ Umberto Lenzi คุณปู่ผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการหนังสยองขวัญมาตั้งแต่ช่วงต้นยุค 60’s หนังสยองทุกประเภท แกทำมาหมด ไม่ว่าจะเป็น หนังกินเนื้อมนุษย์ หนังซอมบี้ หนังฆาตกรรม สืบสวน สอบสวน หนังผี ผลงานขึ้นชื่อ นอกจาก Cannibal Ferox แล้ว คุณลองหาเรื่อง Eaten Alive (1980), Nightmare City (1980), GhostHouse (1988) หรือ Evil Dead 3 ฉบับอิตาลี มาดูได้ครับ เจ๋งๆ ทั้งนั้น
มาว่ากันเรื่อง Cannibal Ferox กันต่อ..เนื้อเรื่องยังคงหนีไม่พ้น Cannibal Holocaust หรือหนังตระกูล Cannibal เท่าไรครับ Gloria นักศึกษาวิจัยทางด้านมานุษยวิทยา เดินทางไปยังป่าอเมซอน พร้อมกับน้องชาย (Rudy) และเพื่อนอีกคน (Pat) เพื่อไปพิสูจน์เรื่องราวของมนุษย์กินคนว่าเป็นเรื่องโกหกหลอกลวง มีอยู่แค่ตามบทความเท่านั้น ในระหว่างการเดินป่าอเมซอน พวกเขาได้พบกับ Mike และเพื่อน ผู้ต้องหาหลบหนีคดี ค้าโคเคน เขาและเพื่อนมายังป่าอเมซอน เพื่อต้องการหาแหล่งมรกต สินทรัพย์ล่ำค่าที่จะทำให้พวกเขารวยไปตลอดชีวิต
ทว่า Mike นั้นไม่ใช่คนธรรมดา เขามีนิสัยโรคจิต ชอบเสพโคเคน ชอบทารุณ ใช้ความรุนแรง และกำลังอาวุธบังคับ ทรมานคนป่าอย่างไม่ปราณี เท่านั้นยังไม่พอ Mike ยังไปฆ่าลูกสาวของหัวหน้าเผ่าเพื่อความบันเทิงปรนเปรออารมณ์ของตัวเอง ด้วยเหตุนี้แหละ ทำให้คนป่าทั้งหมดไม่พอใจ เกิดความแค้นอย่างที่ให้อภัยไม่ได้ กลุ่มคนป่าเริ่มพิธีกรรมล้างแค้น ด้วยวิธีการทรมาน และวิธีการฆ่าอย่างโหดเหี้ยมชนิดที่คุณห้ามพลาด!
หนังตระกูล Cannibal…
Cannibal Ferox ออกฉายในปี 1981หลังจากที่ Cannibal Holocaust (1980) สร้างกระแสหนังคนกินคนจนประสบความสำเร็จ และถูกยกย่องให้เป็นโคตรพ่อ โคตรแม่ของหนังจำพวก Cannibal กันไป หนังสองเรื่องนี้ถูกนำมาเปรียบเทียบกันอยู่เสมอ เพราะเนื่องด้วยเนื้อหา การนำเสนอนั้นใกล้เคียงกันมาก ด้วยความที่ Ruggero Deodato ทำหนังเรื่องนี้ออกมาก่อน แฟนหนัง นักวิจารณ์หลายคนจึงยกย่องหนังเรื่องนี้มากกว่า Cannibal Ferox แต่หากดูกันที่ผลงานความโหดแล้ว Ferox ไม่ได้เป็นรอง Holocaust เลย ออกจะโหดกว่าด้วยซ้ำ
แน่นอน หนังทั้งสองเรื่อง มีฉากทารุนสัตว์ ฆ่าสัตว์กันแบบจริงๆ ไม่ใช้สแตนอิน แต่ฉากการทรมาน การฆ่ามนุษย์นั้น Ferox ทำได้กระเส่าอารมณ์กว่าหลายขุมครับ ทั้งฉากโหดเหี้ยมควักไส้ ควักพุง กัดกินเครื่องไน หัวใจ ไส้ ตับ ควักลูกกะตา เสียบตะขอเหล็กแขวนเต้านมหญิงสาว ฉากตัดกระเจี๊ยวของ Mike พร้อมทั้งภาพคนป่า เอากระเจี๊ยวมายัดใส่ปาก กัดกินอย่างเอร็ดอร่อย ไปจนถึงฉากในช่วงท้ายที่คนป่า ใช้มีดฟันกระโหลกของ Mike อย่างโหดเหี้ยม แล้วหยิบเนื้อสมองมากินสดๆ โอ้ว…อร่อยจน พี่ Hannibal คงต้องยอมแพ้ครับ
ด้วยอารมณ์ของหนัง ภาพความรุนแรง ความสมจริง ที่แม้จะมีบางจุดจะทำแอฟเฟ็กต์ได้ไม่เนียนก็ตาม แต่ Cannibal Ferox ก็ถูกบันทึกว่า เป็นหนังที่ถูกแบนมากที่สุด ถึง 31 ประเทศทั่วโลก โชคดีสื่อในพี่ไทยเรา ยังไม่ค่อยถูกปิดหู ปิดตา เท่าไร มีลิขสิทธิ์หนังทำออกมาขายกันด้วย แต่ไม่แน่ใจนะครับ ว่าจะถูกเซ็นเซอร์ไปมากน้อยเพียงใด
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 5.50 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies A - C Tagged with: รีวิวหนัง Cannibal Ferox, หนังกินคน, หนังกินเนื้อมนุษย์, หนังตระกูล Cannibal
Bunshinsaba (2004)
บุนชินซาบา ผีแค้น
นำแสดง: Kim Gyu-Ri, Lee Se-Eun, Lee Yu-Ri, Choi Seong-Min, Choi Jeong-Yun, Ha Ji-Won, Lee Eung-Gyeong, Eun Seo-Wu, Lee Byeong-Wuk
กำกับและเขียนบท: Ahn Byueong-ki
ประเภท: Horror/Drama
เรื่องย่อ…
“เรื่องราวการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นกับแม่และลูกสาวตาบอดคู่หนึ่งเมื่อ 30 ปีที่แล้ว โดยผู้เป็นแม่พยายามที่จะเลี้ยงลูกสาวให้สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างเป็นปกติสุขเฉกเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ หากบรรดาชาวบ้านต่างก็กลับกล่าวหาว่าเธอเป็นแม่มดและปีศาจที่ชั่วร้ายพร้อมทั้งจัดการจับสองแม่ – ลูกเผาทั้งเป็น แต่ก่อนที่เธอจะหมดลมหายใจเธอก็เปล่งคำสาปแช่งให้ทุกคนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ต้องพบกับความวิบัติ เพื่อชดใช้หนี้กรรมที่ผู้อื่นได้ก่อเอาไว้กับเธอ…
อุนจู เป็นครูสอนวิชาศิลปะที่พบกับเหตุการณ์ประหลาดตั้งแต่วันแรกที่มาถึงโรงเรียนแห่งนี้ เธอสัมผัสได้ถึงดวงวิญญาณของเด็กนัก เรียนที่เสียชีวิตไปแล้ว อีกทั้งยังต้องเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์ประหลาดเมื่อจู่ ๆ ตัวเองต้องตกอยู่ท่ามกลางคำสาปแช่งซึ่งยากจะไถ่ถอน ยุนจิน เป็นเด็กนักเรียนที่เพิ่งย้ายมาจากกรุงโซล และถุกกลั่นแกล้งจากบรรดานักเรียนเจ้าถิ่นตั้งแต่วันแรกที่เดินทางมาเข้าเรียนแต่ที่ทำให้เธอแปลกใจยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเธอพบว่าบรรดาเพื่อนนักเรียนในชั้นของเธอถูกคำสาปที่กลายเป็นความจริงในเวลาต่อมา ดังนั้นเธอจึงเฝ้าเพียรพยายามที่จะค้นหาคำตอบก่อนที่เธอจะต้องกลายมาเป็นเหยื่อคนต่อไป อินซุคเริ่มปรากฏกายเมื่อยุนจินเริ่มลงมือประกอบพิธีบุนชินซาบ้า แท้ที่จริงนั้นอินซุคก็คือดวงวิญญาณที่ต้องการจะหลุดพ้นจากคำสาปแช่งที่เกิดขึ้นกับเธอเมื่อ 30 ปีที่แล้ว การตายของเธอเป็นดั่งความลับมืดดำ โดยที่ไม่เคยมีผู้ใดที่ล่วงรู้ถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกับเธอ”
บุนชินซาบา ผีแค้น
หนังสยองที่ยังคงพล๊อตเรื่องแห่งการล้างแค้น ทำนองสิบปีแก้แค้นไม่สาย แต่ในเรื่องนี้ คงต้องพูดว่า 30 ปีแก้แค้นยังไม่สาย หนัง Horror ที่ดูแล้วอาจมีอาการ (แอบ) สงสารผีในเรื่องนี้พอควร จากการที่ถูกคนในหมู่บ้านทำร้าย กระทำชำเรา และขับไล่ อารมณ์ในแบบนี้แหละครับ ก่อให้เกิดเรื่องที่ว่าด้วยการล้างแค้น และเป็นต้นตอของหนังในแนวๆ นี้ทั้งนั้น Bunshinsaba ก็ยังหนีไม่พ้นครับ ยังคงเป็นแบบเดิมๆ เพียงแต่การดำเนินเรื่องเปลี่ยนรูปแบบมาใช้ การเล่น “Bunshinsaba” เรียกวิญญาณ การเล่นแบบนี้ก็คล้ายกับการเล่นผีถ้วยแก้วในบ้านเรานี่แหละครับ ในระหว่างการเล่นห้ามลืมตา หากลืมตาเมื่อไร ผีร้ายก็จะเข้าตัวทันที
Bunshinsaba กำกับโดย Ahn Byueong-ki ผู้กำกับที่สร้างผลงานสยองขวัญมาแล้วจากเรื่อง Gawi ในปี 2000 เรื่องนี้นี่เองเขาได้ร่วมงานกับ Kim Gyu-Ri , Choi Jeong-Yun และ Ha Ji-Won นักแสดงนำในเรื่อง Gawi คงจะมีการตัดใจฝีมือการแสดง จึงได้ชักชวนมาร่วมแสดงในเรื่อง Bunshinsaba กันอีกครั้ง นอกจากนักแสดงที่ขนมาจากเรื่อง Gawi แล้ว ก็ยังมีนักแสดงที่มาจากทีวีซีรีย์ชื่อดัง “แดจังกึม” ด้วยนะครับ ไม่แน่ใจว่ามีกี่คน แต่ที่แน่ๆ ตัวเอกในเรื่อง Lee Se-Eun (สาวน้อยนางในตัวร้าย ตาโต น่ารัก) สาวน้อยตาโตคนนี้แหละ มาจากซีรีย์ จังกึมด้วย
สำหรับผู้กำกับ Ahn Byueong-ki นับว่าเป็นผู้กำกับไฟแรงในหนังแนวสยองขวัญก็ว่าได้ ทั้ง Gawi ในปี 2000 จนถึง Phone ในปี 2002 จนถึง Bunshinsaba ปี 2004 ล้วนแล้วแต่เป็นการกำกับหนังสยองขวัญล้วนๆ ครับ คงต้องติดตามผลงานการกำกับของผู้กำกับหนังสยองเลือดโสมคนนี้กันต่อไปครับ เพราะกระแสหนังของเขาแต่ละเรื่อง นั้นกระแสตอบรับในเอเซียดีพอสมควรเลยทีเดียว
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 3.00 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies A - C Tagged with: Bunshinsaba รีวิว, ผีแค้น, รีวิวหนังผี, หนังผี, หนังผีเกาหลี
Boogeyman (2005)
บูกี้แมน ตำนานสัมผัสสยอง
นำแสดง: Barry Watson (Tim), Emily Deschanel (Kate Houghton), Skye McCole Bartusiak (Franny Roberts), Tory Mussett (Jessica), Andrew Glover (Boogeyman), Lucy Lawless (Tim’s Mother), Charles Mesure (Tim’s Father), Philip Gordon (Uncle Mike), Aaron Murphy (Young Tim), Jennifer Rucker (Pam)
กำกับ: Stephen T. Kay
เขียนบท: Eric Kripke (story)
ประเภท: Horror / Mystery
Boogeyman หนึ่งในปีศาจตำนานสยองของฝรั่ง…
เจ้าปีศาจร้ายที่มักจะเป็นฝันร้ายของเด็กฝรั่งทุกคน…
เจ้าปีศาจร้ายที่ถูกนำมาใช้เป็นตัวละครสยองในหลายๆ เรื่อง…
Tim เด็กน้อยอายุ 8 ขวบ ที่เห็นกับตาว่า พ่อของเขาถูกเจ้า Boogeyman ลากเข้าตู้เสื้อผ้า และถูกดูดหายไปต่อหน้าต่อตา Tim ฝังใจกับเหตุการณ์นี้มาตั้งแต่เด็ก จนกลายเป็นหนุ่มผู้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เป็นดั่งที่ Tim ต้องการให้เป็น มีเหตุให้ Tim กลับไปจัดการกับบ้านเก่าที่เขาเคยอาศัยในวัยเด็กกับพ่อของเขา บ้านหลังที่เป็นต้นเหตุให้ Tim ฝังใจในตัวเจ้า Boogeyman ถึงยังไงก็แล้วแต่ Tim ต้องขจัดความกลัว และเผชิญหน้ากับสิ่งที่เขากลัวมาตลอดชีวิตให้ได้!
หนังเทรนฮอลิวู๊ดครับ ไม่มีอะไรให้หวือหวา บรรยากาศราบเรียบเหนือคำบรรยาย ตัวละครไม่ได้ดึงดูด หรือโดดเด่นให้น่าติดตาม แอ็ฟแฟ็ค และกราฟฟิคดีไซน์ไม่ได้ช่วยให้หนังเรื่องนี้ดูดีขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย แม้หน้าปกหนังจะโปรยคำพูดดึงดูดว่า ‘From the producers of The Grudge’ มาขายก็ตาม…ผมว่าก็ไม่ได้ช่วยให้หนังเรื่องนี้น่าดูขึ้นเลย ใครยังไม่เคยดู แล้วเหลือบไปเห็น Boogeyman ฉบับปี 2005 วางขายอยู่ ก็ขอให้มองผ่านไปครับ เอาเงินไปซื้อหนังเรื่องอื่นดีกว่า…
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 1.50 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies A - C Tagged with: บูกี้แมน ตำนานสัมผัสสยอง, รีวิวหนัง Boogeyman
Book of Blood (2008)
Clive Barker’s Book of Blood, ถลกหนังบัญญัติเลือด
กำกับ: John Harrison
เขียนบท: John Harrison และ Darin Silverman นำมาจากหนังสือเรื่องสั้นสุดสยองของ Clive Barker ในชื่อ The Book of Blood
นำแสดง: Jonas Armstrong (Simon McNeal), Sophie Ward (Mary Florescu), Clive Russell (Wyburd), Paul Blair (Reg Fuller), Romana Abercromby (Janie)
ประเภท: Horror / Fantasy / Mystery
เรื่องราวของ Mary Florescu ด็อกเตอร์และครูผู้สอนในเรื่องเหนือธรรมชาติ ที่พยายามค้นหาที่มาที่ไป และข้อพิสูจน์สิ่งเร้นลับมานานหลายปี เธอกับคู่หู Reg Fuller ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของอุปกรณ์พิสูจน์สิ่งเหนือธรรมชาติว่ามีอยู่จริงหรือไม่ ได้พบบ้านหลังหนึ่งที่มีประวัติเร้นลับที่น่าสนใจ เธอกับคู่หูได้ย้ายเข้าไปอยู่เพื่อพิสูจน์ บันทึกภาพและเฝ้าสังเกตการณ์ จนถึงการลองของในบ้านที่มีชื่อว่า Tollington!
การลองของของด็อกเตอร์ Mary เธอทำโดยการชักชวน Simon นักศึกษาหนุ่มในคลาสของเธอเอง นักศึกษาหนุ่มคนนี้มีภูมิหลังเกี่ยวกับการมองเห็นอนาคตที่น่าสนใจ ทำให้ Mary สนใจชักชวนให้ Simon มาร่วมพิสูจน์ลองของด้วย
เหตุการณ์กลับเริ่มซับซ้อนเมื่อด็อกเตอร์ Mary และนักศึกษาหนุ่ม Simon ไม่ใช่มีฐานะเป็นเพียงแค่เพื่อนร่วมงานกัน ทั้งคู่กลับมีใจให้กัน จนถึงไปความสัมพันธ์ลึกซึ้งดื่มด่ำ เท่านั้นยังไม่พอ ดอกเตอร์ Mary ได้ค้นพบความจริงที่ว่า สิ่งที่เธอคิดว่า Simon มีญาณพิเศษในการพิสูจน์สิ่งเร้นลับนั้น กลับกลายเป็นเรื่องแหกตา!
เรื่องราวของการพิสูจน์สิ่งเหนือธรรมชาติ กามอารมณ์ ตัณหาในความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์และลูกศิษย์ ไปจนถึงความลี้ลับของบ้าน Tollington ที่แท้จริงแล้วนั้น สถานที่แห่งนี้แหละ คือสี่แยกบนทางด่วนมรณะ จุดรวมวิญญาณหลากหลายเผ่าพันธุ์ที่จะคอยวนเวียนมา ณ บ้านหลังนี้เพื่อพยายามบอกเล่าเรื่องราวของพวก “มัน” ผ่าน “สื่อ” ใด ๆ ก็ตามที่เคราะห์ร้ายมาบรรจบพักพบในบ้าน Tollington!
เกร็ดเล็กน้อยสำหรับผู้กำกับ John Harrison
Book of Blood ผลงานของผู้กำกับ John Harrison ที่สร้างชื่อเสียงจากผลงานกำกับทีวีซีรีส์สยองสุดล้ำอย่าง Tales From The Darkside จนถึงในเวอร์ชันภาพยนตร์ที่มีชื่อเรียกว่า Tales from the Darkside: The Movie และเป็นผู้กำกับในหนังบางตอนของซีรีส์ Tales from the Crypt อีกด้วย (ในอดีตเขาคนนี้เคยทำงานเป็นผู้ช่วยผู้กำกับของเจ้าพ่อซอมบี้สยอง George A. Romero)
Book of Blood ถลกหนังบัญญัติเลือด
หนังเรื่องนี้เป็นหนัง “ผี” ที่มีเนื้อหาของการนำเรื่องของราคะ มุมมองของหนังระทึกขวัญ ดราม่าเข้ามาผสมปนเปกับหนังผีสยองขวัญ ไปจนถึงด้านมืดอันร้ายกาจของมนุษย์ที่เผยให้เห็นในตอนสุดท้ายของเรื่อง จะว่าไปหนังสยองขวัญเรื่องนี้เล่นกับอารมณ์คนดูในเชิงความเชื่อในเรื่อง “ผี” ผ่านทางบทของตัวละคร Simon นักศึกษาหนุ่มที่คอยปั่นหัวดอกเตอร์ Mary นักค้นคว้าเรื่องเหนือธรรมชาติ จน Simon โดนเรื่องเหนือธรรมชาติเล่นงานเข้ากับตัวเอง มิหนำซ้ำ ในตอนท้ายของเรื่องเผยให้เห็นถึงความสยองมืดดำในตัวของดอกเตอร์ Mary นั่นแลที่ร้ายกาจกว่า “ผี” ในเรื่องซะอีก
หนังในอารมณ์แบบเนิบๆ ไม่อุกอาจ คุมคามอารมณ์ของผู้ชม มุมมองของความสนุกในเรื่องนี้ คงหนีไม่พ้นเนื้อหาของเรื่องที่น่าติดตาม (หรือไม่ก็ชวนหลับ หากใครที่ไม่ชอบอารมณ์หนังแบบเนิบๆ) ส่วนในเรื่องของฉากสยองขวัญนั้น คงทำได้ไม่สะใจคอหนังโหดแน่นอน เพราะในหนังเรื่องนี้มีหยอดทั้งอารมณ์แบบเลือดสาด และแบบหนังผี วิญญาณที่มาแบบแฟนตาซี ความครึ่งๆ กลางๆ เหล่านี้ ทำให้หนังอยู่บนอารมณ์ที่ขาด ๆ เกินๆ พิลึกไม่น้อย
ใครชื่นชอบหนังผี หรือหนังพันธุ์พิสูจน์สิ่งเร้นลับ เหนือธรรมชาติ หยิบ Book of Blood มาดูก็ไม่น่าเสียหาย
ใครชื่นชอบหนังโหด ฆ่า หั่น ชำแหละ และนึกว่าชื่อ Book of Blood จะเป็นหนังที่มีแต่เลือดล่ะก็…คุณคิดผิดแล้วครับ
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 3.00 / 6.00
สยองในแบบ Clive Barker
หากพูดถึงนักเขียนแนวสยองขวัญ หลายคนคงนึกถึงผลงานของ Stephen King เพราะพี่แกร่ายความสยองผ่านน้ำหมึกออกผลงานแนวสยองขวัญมามากมายและหลาย ๆ เรื่องก็ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์สยองขวัญ ที่ถูกนำมาฉายผ่านสายตาคนไทยเราด้วย Clive Barker ก็มีชื่อเสียงในต่างประเทศไม่แพ้กันครับ แม้ชื่อของเขาจะไม่ใช่พิมพ์นิยมในบ้านเราก็ตาม หากแต่เอ่ยชื่อภาพยนตร์สยองชื่อดัง คุ้นหูอย่าง Hellraiser, Candyman, Lord of Illusion จนถึงหนังที่ถูกกล่าวถึงมากมายในช่วงปีที่ผ่านมาอย่าง The Midnight Meat Train ก็ล้วนแล้วแต่เป็นผลงานการเขียนของ Clive Barker ทั้งนั้นครับ สไตล์การเขียนแบบลึกลับเขย่าขวัญที่มาในแบบแฟนตาซีด้านมืดสุดสยองที่เป็นเอกลักษณ์ของ Clive นั้น หากใครติดใจ หรือเคยผ่านตากับผลงานของ Clive Barker ในเรื่องที่พูดถึงมานั้น ก็อย่าเสียโอกาสหาผลงานอื่นๆ ของเขามาชำเราด้วย อย่าง Demonik, Nightbreed หรืออย่างหนังเรื่องที่กำลังกล่าวถึงนี้อย่าง Book of Blood ในชื่อไทยว่า ถลกหนังบัญญัติเลือด
จริงๆ หนังสือที่ Clive Barker เขียนในชื่อ Books of Blood นั้น มีสำนักพิมพ์ไทยเราอย่างหมึกจีนนำมาแปลขายกันเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วในชื่อหนังสือว่า จารีกเลือด Books of Blood หากใครสนใจก็ลองหาซื้อมาอ่านดูนะครับ
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies A - C Tagged with: Clive Barker's Book of Blood, ผลงานของ Clive Barker, รีวิวหนัง book of blood, รีวิวหนังถลกหนังบัญญัติเลือด, รีวิวหนังผี, หนังผี, หนังสือ books of blood
Bloodline (2004)
สายเลือดเชือดสยอง
กำกับและเขียนบท: Keith Coulouris และ David Schrader
นำแสดง: Clay Adams (Travis), Josh Gibson (Henry – Teen), Bryan Smithson (Henry – Adult), Cherish Hamutoff (Lorraine), Jay Anthony (Al / Alan), Kenny Messer (Greg), David Matthiessen (Bobby)
ประเภท: Thriller / Horror
เรื่องราวของสองพี่น้อง Travis กับ Henry กับเหตุการณ์ฆาตกรรมสยองขวัญกลางป่าที่ทำให้ Travis กลายเป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นฆาตรกร ในขณะที่น้องชาย Henry หายตัวไปหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เรื่องราวชีวิตของ Travis ที่พยายามจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ กับผู้หญิงคนใหม่ บ้านใหม่ เมืองใหม่นั้นจะเป็นอย่างไร แล้วใครคือ ฆาตกรโหดเหี้ยมที่ลงมือฆ่าในวันนั้น ติดตามได้ใน Bloodline
Bloodline: สายเลือดเชือดสยอง
หนังสยองพล๊อตดี แต่ถ่ายทอดไม่ถึง…
จะเป็นยังไง ถ้าหากคุณแยกแยะระหว่างความจริง กับ จินตนาการไม่ออก? คำตอบสยองๆ อาจเกิดขึ้นได้ หากเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นจริง คุณอยู่ในโลกของความจริงที่วิจิตรภาพแห่งจิตนาการ เนื้อเรื่องของ Bloodline หรือชื่อภาษาไทยว่า สายเลือดเชือดสยอง พยายามจะบอกสิ่งเหล่านี้ครับ
Bloodline เป็นหนังเกรดบีแนวสยองเขย่าขวัญที่เน้นในเชิงจิตวิทยาอีกเรื่อง ที่มีพล็อตเรื่องที่น่าสนใจ โดยหยิบยกประเด็นความรุนแรงที่มีมาตั้งแต่รุ่นผู้ปกครองที่สามารถถ่ายทอดมาสู่ลูกหลานได้ บวกกับเรื่องราวพฤติกรรมของคนที่มีลักษณะจิตสับสนไม่สามารถแยกแยะได้ว่าสิ่งไหนคือความจริง สิ่งใดคือภาพลวง ทว่าการถ่ายทอดยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร โดยเฉพาะการลำดับเรื่องราวเหตุการณ์ที่พยายามจะทำออกมาในแนวทางหนังเขย่าขวัญ สั่นประสาทสยองหักมุมแบบสุดๆ กะให้ผู้ชมอึ้งในตอนเฉลยท้ายเรื่อง แต่ผู้กำกับไม่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกแบบนั้นได้เลยแม้แต่น้อย ตัวหนังที่เดินแบบยืดยาด และไร้เหตุผลในหลายเรื่องราว พาลทำให้ Bloodline กลายเป็นหนังเกรดบีที่มีความน่าเบื่อไม่น้อย ข้อดีหนึ่งข้อของหนังเรื่องนี้คือ การแสดงบทบาทของคนที่สับสน มีปมชีวิต และเห็นภาพหลอน เสียงหลอน ของ Clay Adams ที่รับบทเป็น Travis นั้น ทั้งการแสดงออกทางสีหน้าท่าทางทำได้แบบสอบผ่านเลยครับ
แต่ถ้าใครชอบหนังในแบบมุมมองเชิงจิตวิทยาของพฤติกรรมความรุนแรงก็สามารถหามาดู มาศึกษาได้ว่า หากคิดจะทำหนังแล้ว บางครั้งพล๊อตเรื่องที่น่าสนใจแต่ถ่ายทอดออกมาห่วย หนังเรื่องนั้น ๆ ก็สามารถถูกขังลืมโดยไม่มีใครพูดถึงได้เลยเหมือนกัน
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 2.00 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies A - C Tagged with: รีวิวหนัง Bloodline, รีวิวหนังสยองขวัญ, รีวิวหนังเขย่าขวัญ, รีวิวหนังโรคจิต
Blood: The Last Vampire (2009)
ยัยตัวร้าย สายพันธุ์อมตะ
กำกับ: Chris Nahon
เขียนบท: Chris Chow (screenplay) และ Kenji Kamiyama (character)
นำแสดง: Gianna Jun (Saya), Allison Miller (Alice McKee), Liam Cunningham (Michael Harrison), JJ Feild (Luke), Koyuki (Onigen), Yasuaki Kurata (Kato Takatora)
ประเภท: Action Thriller / Horror
เรื่องราวของ Saya สาวน่ารักที่ดูภายนอกนั้นเธอมีอายุอยู่ในวัย 16 ปี ขณะที่อายุอานามของเธอนั้นมีมามากกว่า 400 ปีแล้ว เธอคือลูกพันธุ์ผสมระหว่างมนุษย์กับแวมไพร์ การดำรงชีวิตเพื่อฆ่าล้างอสูรกายที่คอยแฝงตัวมาในคราบของมนุษย์ และเป้าประสงค์ในการตามล่า แก้แค้น เจ้าอสูร Onigen ปีศาจสาวผู้มีอำนาจชั่วร้ายคืองานของเธอ ในขณะที่แฝงตัวไปเป็นนักเรียนใหม่ในฐานทัพสหรัฐในกรุงโตเกียว ก็ได้รู้จักกับ Alice ลูกสาวของนายพลประจำกองทัพ เรื่องราวการต่อสู้ แก้แค้น ความสัมพันธ์และการให้ความช่วยเหลือซี่งกันและกันระหว่าง Saya กับ Alice จึงเกิดขึ้น ติดตามได้ใน Blood: The Last Vampire
จากการ์ตูน Animation ชื่อดังของ Hiroyuki Kitakubo ที่สร้างโดย Production I.G. ในปี 2000 Anime ที่ตระเวนเก็บเกี่ยวรางวัล และคำชมจากผู้ชมทั่วโลกจนเป็นที่กล่าวขานจนถึงปัจจุบัน กระแสความแรงถูกจับมาสร้างเป็นเกมส์ จนถึงภาพยนตร์ร่วมทุนสร้างระหว่างอ่องกง ฝรั่งเศส และอังกฤษ
Blood: The Last Vampire เป็นผลงานการกำกับของ Chris Nahon ผู้กำกับชาวฝรั่งเศสที่ฝากผลงานที่เราชาวไทยเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่อง Kiss of the Dragon (หนังปี 2001) หนัง Action สุดมันที่แสดงนำโดย Jet Li และเรื่อง Empire of the Wolves (หนังปี 2005) แนว Action Thriller อีกทั้งยังได้ทีมงานอย่าง Kenji Kamiyama ที่โชว์ฝีมือมาแล้วใน Ghost in the Shell สำหรับตัวนักแสดงได้นางเอกสาวฉายาที่พี่ไทยสร้างแบรนด์ให้ในชื่อ “ยัยตัวร้าย” นั่นคือ Gianna Jun หรือ จวนจีฮุน นั่นเอง และนี่คือผลงาน Go Inter ที่พลิกบทบาทอย่างสุดขั้วจากหนัง Romantic Comedy หรือ Drama มาเป็น Action Thriller / Horror กันเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีปีศาจร้ายตัวเอกของเรื่อง ที่แสดงโดยดาราญี่ปุ่นสุดฮอต (ขวัญใจผม^^) คือ โคยูกิ นางเอกและนางแบบสาวคนนี้ หลายท่านคงจะคุ้นหน้ากับซีรีส์ญี่ปุ่นที่ไอทีวีเคยเอามาฉายกันอยู่หลายเรื่อง อาทิ Engine ที่เล่นเป็นครูฝึกหัดประกบคู่กับพระเอกสุดฮอตของญี่ปุ่นอย่าง Takuya Kimura จนถึงบทบาทการแสดงทางภาพยนตร์ในเรื่อง Kairo, Always มาจนถึงหนังฮอลีวู๊ดอย่าง The Last Samurai ที่ประกบคู่กับพระเอกทอม ครูซ นอกจากนี้ก็ยังมีตัวละครเด่นอีกตัวที่กลายมาเป็นเพื่อนของยัยตัวร้ายในเรื่อง นั่นคือ Allison Miller สาวน้อยคนนี้ ผมรู้จักเธอในซีรีส์ที่ทางยูบีซีเอามาฉายอย่าง CSI NY และ Cold Case เธอมาปรากฏตัวอีกที ผมเห็นในภาพยนตร์วัยรุ่น Comedy ที่เข้าฉายในปีเดียวกับ Blood คือ 17 Again คนสุดท้ายที่คงไม่พูดถึงไม่ได้ ถึงแม้จะปรากฏตัวในเรื่องเพียงไม่กี่นาที แต่ก็เป็นบุคคลสำคัญในวงการภาพยนตร์ญี่ปุ่น นั่นคือ Yasuaki Kurata คุณลุงนักแสดงคิวบู๊ที่เล่นหนังมาแล้วไม่ต่ำกว่า 100 เรื่อง ที่ล้วนแล้วแต่เป็นหนังประเภท Action ล้วนแล้วแต่เป็นหนังประเภทกังฟู ก็นินจา ซามูไรทั้งนั้น
จะเห็นได้ว่าทั้งผู้กำกับ คนเขียนบทลักษณะตัวละคร จนถึงนักแสดงล้วนแล้วแต่มีชื่อ และฝีมือในวงการภาพยนตร์ แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นข้อด้อย และออกจะเป็นสิ่งที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากก็คือ เทคนิคการทำ CG โดยเฉพาะฉากการแปลงร่างของเหล่าอสูรกาย หากแต่ลองมองถึงลักษณะความตั้งใจในการสร้างให้ออกมาเป็นลักษณะของการ์ตูน Anime ล่ะก็ ผมว่าใช้ได้เลยทีเดียว อีกส่วนหนึ่งคือบทภาพยนตร์ที่ดูจะไร้เหตุผลและน้ำหนักของเนื้อเรื่องพอสมควร จึงทำให้ภาพรวมของหนังเรื่องนี้ดูตกต่ำลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผมได้คุยกับเพื่อนผู้สัมผัส Blood: The Last Vampire ในเวอร์ชันของการ์ตูน Anime เขาบอกว่าเรื่องราวทั้งหมดในหนังเป็นเพียงเค้าโครงที่ถูกดัดแปลงไปซะเยอะ มีแค่ลักษณะ และบุคลิกของตัวละครเท่านั้นที่มีลักษณะคล้ายกัน จึงไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้เท่าไรนัก ทว่าให้เขาเลือก เขาก็ขอเลือกดูในเวอร์ชันของการ์ตูน Anime มากกว่า ต่างคนก็ต่างความคิดครับ
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 3.50 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies A - C Tagged with: ยัยตัวร้าย สายพันธุ์อมตะ, รีวิว Blood The Last Vampire, รีวิวหนังยัยตัวร้าย
Blood Sucking Freaks (1976)
Heritage of Caligula | Sardu, Master of the Screaming Virgins | The Heritage of Caligula: An Orgy of Sick Minds | The House of the Screaming Virgins | The Incredible Torture Show
นำแสดง: Seamus O’Brien (Master Sardu), Viju Krem (Natasha D’Natalie), Niles McMaster (Tom Maverick), Dan Fauci (Sergeant John Tucci), Alphonso DeNoble (Creasy Silo (as Alphonso)), Ernie Pysher (The Doctor) Luis De Jesus (Ralphus), Helen Thompson (Master’s Assistant), Saiyanidi (Master’s Assistant)
กำกับและเขียนบท: Joel M. Reed
ประเภท: Horror / Gore / S&M
หนังจำพวก S&M (Sadism & Masochism) ที่ Joel M. Reed สร้างสรรค์ขึ้น ถึงแม้จะเป็นหนังทุนน้อย เกรด B ก็ตาม แต่หนังเรื่องนี้กลับเป็นต้นฉบับความโหดให้กับหนัง Horror / S&M / Gore กับหนังรุ่นต่อมาอีกหลายๆ เรื่อง พูดถึง Joel M. Reed นอกจาก Blood Suckin Freaks แล้ว หากใครอยากตามผลงานของผู้กำกับคนนี้ ก็ขอแนะนำ Blood Bath และ Night of the Zombies ด้วยครับ…
เรื่องย่อ: Sardu และ Ralphus ผู้กำกับ และผู้ช่วยผู้กำกับตัวแคระ ผู้นิยมความซาดิสต์ และมาโซคิสต์อย่างรุนแรง สร้างโรงละครที่เอาไว้แสดงวิธีการทรมานสารพัดหมื่นพันล้านวิธีกับหญิงสาวเปลือย..ทว่า ผู้ชมที่เข้ามาชม (ผู้ชมเป็นระดับดารา ผู้มีชื่อเสียงในวงการ หรือนักกีฬาผู้มีชื่อเสียง) กลับคิดว่า สิ่งที่ Sardu ทำให้เห็นนั้น เป็นแค่มายากล หรือสเปเชียลแอ็ฟเฟ็กที่ทำขึ้นมาหลอกตาเท่านั้น โดยที่ไม่รู้เลยว่า สิ่งที่พวกเขาเห็นนั้น…มันเป็นเรื่องจริง
ฉากสยองในหนังเกรดบี… หนังต้นฉบับความโหด…
Blood Sucking Freaks เป็นหนัง Horror ที่พยายามจะผ่อนคลายด้วยมุขในแบบ Comedy แต่ทว่า ด้วยลีลาการทรมานหลากหลายวิธี ไปจนถึงการฆ่าเหยื่อ / นักแสดง ที่ดูราวกับชีวิตมนุษย์มันไร้ค่านั้น มันทำให้หนังเรื่องนี้ ขำไม่ออกครับ หาก Blood Sucking Freaks ถูกนำมาทำในยุคนี้ ด้วยแสงสี อุปกรณ์ ที่สามารถทำให้ทุกๆ อย่างดูเหมือนจริงได้ราวฝัน ผมว่าหนังเรื่องนี้จะถูกทำเป็น snuff film ที่ต้องมีคนคิดว่า สิ่งที่เห็นนั้น มันเป็นเรื่องจริงหรือไม่… จะเริ่มต้นยังไงดีล่ะ..ก็ไอ้หนังเรื่องนี้ มันสมควรจะใช้สโลแกนของหนังไทยเรื่องหนึ่งที่ประมาณว่า “เสียวสยอง ทุกสองนาที” ประมาณนี้ได้เลยครับ เพราะ ฉากทรมานสารพัดวิธีมีให้เห็นในเรื่อง ตั้งแต่ ห้านาที แรก ยันไปจนจบเรื่องก็ว่าได้ ว่าแล้วมาเรียกน้ำย่อยด้วยฉากสยองในหนังเรื่องนี้กันครับ
– ว่าด้วยเรื่องของเครื่องมือการทรมานที่หลากหลายมากมาย อาทิ เครื่องบดขยี้ นิ้ว มือ หัวสมอง เครื่องกิโยติน เครื่องทรมานด้วยการช้อตไฟฟ้า ไปจนถึงแท่นบูชาที่สามารถจับเหยื่อแหวกขา แขนให้ฉีกออกจากกันได้
– เริ่มต้นฉากการทรมานด้วยการบดขยี้หัวสมองของเหยื่อ โดยฝีมือของเจ้า Ralphus ผู้ช่วยแคระของ Sardu เจ้าแคระที่นิยมควักลูกตาของเหยื่อมากัดกินเป็นอาหารจานโปรด
– ลักษณะของเจ้า Sardu ผู้กำกับที่นิยมความซาดิสต์และมาโซคิสต์ทั้งการเป็นผู้ทรมาน และเป็นฝ่ายถูกทรมาน เขาให้สาวรับใช้ จับตัวเขาเองขึง และใช้แส้โบยเฆี่ยนตีอย่างมีความสุข
– ฉากการช้อตไฟฟ้าผ่านหัวนมของเหยื่อ (สตรีเปลือยเปล่าล้วน!) ด้วยไฟฟ้าแรงสูง แค่เสียงครวญครางของหล่อนก็ทำให้ Sardu และ Ralphus มีความสุขสุดยอดแล้ว
– ฉากที่มีหมอโรคจิตอีกคน จับเหยื่อมานั่งถอนฟันเล่น เห็นแล้วเสียวแทน อดนึกถึงหมอฟันโรคจิตใน The Dentist ไม่ได้ ไม่รู้เรื่องนี้จะเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจให้ Yuzna ผู้กำกับ The Destist หรือไม่ นอกจากหมอโรคจิตคนนี้จะจับเหยื่อมาถอนฟันแล้ว เขาก็ยังจับเหยื่อมาโกนหัวบริเวณกลางกะโหลก แล้วใช้สว่านไฟฟ้า เจาะลงไปตรงกลางศรีษะจนทะลุ ทะลุกถึงสมองทุกส่วน เท่านั้นยังไม่พอ หมอสุดโหดยังทำพฤติกรรมโคตรเพี้ยนวิปริตโดยการ เอาหลอดมาทิ่มลงไปในกระโหลก แล้วดูดเลือด (ผสมเนื้อสมอง) อย่างเอร็ดอร่อย เป็นน้ำเลือดบำรุงสมองดีแท้!
– ฉากเหยื่อมนุษย์ที่ Sardu และ Ralphus เลี้ยงไว้ ราวกับสัตว์เลี้ยงที่หิวกระหาย ใครลองเข้ากรงที่เต็มไปด้วย สัตว์มนุษย์เหล่านี้ ล่ะก็ มีสิทธิ์ถูกฉีกกินเป็นชิ้นๆ ได้ไม่ยากเลยแหละ…
โอ้ว..ฉากสยอง / Gore / เพี้ยน โรคจิต วิปริต ยังมีอีกเพียบครับ หากเปรียบเทียบหนังในปี 1976 (หนังปีเดียวกับ Snuff และ Shogun’s Sadism ) ที่ออกมาในแนวนี้แล้ว ต้องห้ามพลาด Blood Sucking Freaks หนังสยองเกรดบี ต้นตำรับความทรมานทุกสายเหล่าพันธุ์เรื่องนี้เลยเชียวแหละ เหอ เหอ เหอ !!!
โดย ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร
Rating: 4.50 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies A - C Tagged with: review หนัง blood sucking freak, ต้นตำหรับความโหดสยอง, หนังของ Joel M. Reed, หนังซาดิสต์, หนังสยองขวัญ, หนังโหดเลือดสาด
Bone Sickness (2004)
นำแสดง: Kevin Barbare (Inspector Seacrest), Griff Brohman (Zombie as Griffen Brohman), Brian DeClercq (Swat & Zombie), Rich George (Alex McNetti), Ernest Hutcherson (Chief Inspector), Lorna Hutcherson (Mrs. Clancey), Ruby Larocca (Andrea Granger), Anthony Menna (Swat & Zombie), Brian Paulin (Thomas Granger), Christopher P. Reilly (Graveyard Cop), Darya Zabinski (Kristen McNetti)
กำกับและเขียนบท: Brian Paulin
ประเภท: Horror / Zombie
เรื่องของสองสามีภรรยา ที่สามีนั้นป่วยเป็นโรคกระดูกติดเชื้อ สภาพร่างกายเสื่อมโทรม ต้องให้ภรรยาดูแลอยู่ตลอดเวลา ทางด้านภรรยาผู้รักสามีสุดหัวใจ ก็ต้องคอยเฝ้าดูแล และหาทางเยียวยารักษาทุกวิถีทาง แต่ก็ยังไม่สามารถรักษาโรคดังกล่าวได้ เธอจึงต้องหันไปเพิ่งบางสิ่งบางอย่างตามคำแนะนำของเพื่อนคนหนึ่ง โดยที่ไม่รู้เลยว่า ผลกระทบจากวิธีรักษาที่เพื่อนเธอแนะนำนั้นจะเกิดผลข้างเคียงอะไรบ้าง?!?
หนังซอมบี้ยุคใหม่ที่ถูกสร้างจากความเชื่อที่ว่า กระดูก และชิ้นส่วนของศพจะช่วยเยียวยารักษา อาการ หรือ โรคที่ไม่สามารถรักษาหายได้ จากหลักความเชื่อตรงนี้นี่เอง เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ห้องผ่าศพต้องคอยขโมยชิ้นส่วนบางอย่างเพื่อนำมาทดลองรักษา และนี่แหละเป็นจุดเริ่มต้นของการเพาะพันธุ์เชื้อนรก!
Bone Sickness หนังซอมบี้ ที่ไม่ได้สร้างอะไรใหม่ไปกว่าสิ่งที่ผู้กำกับหนังซอมบี้ยุคเก๋าที่เรารู้จักกันดีได้ทำเอาไว้ Bone Sickness มีทั้งฉากโป๊ เปลือย (ถึงแม้กระนั้น หุ่นสาวเจ้าเนื้อ เปลือยกายก็ไม่ได้สร้างให้หนังเบี่ยงเบนไปในทาง Zombie Nudity หรอกนะ…อย่าคาดหวังอะไรมาก ฮ่า ฮ่า) ไปจนถึงฉากความรุนแรง Gore เสือดสาด สับ แหวะ ทั้งความสยอง รวมถึงแหวะด้วยเจ้าหนอน ไส้เดือน ที่ผู้กำกับขนมาทั้งพันธุ์เล็ก พันธุ์น้อย กระดึบ ๆ ให้สาวน้อย สาวใหญ่ได้คลื่นเหียนไปตาม ๆ กัน
ผมว่า Bone Sickness มีเนื้อเรื่องใช้ได้นะครับ แต่การดำเนินเรื่องค่อยข้างช้า ฉากบางฉากเรื่องตัวหนังบางตอนไม่มีความจำเป็นต้องใส่มาเลยก็ได้ เพราะไม่ได้ช่วยในความต่อเนื่อง ของหนัง แถมยังไม่มีความเกี่ยวพันอะไรกับหนังอีกต่างหาก สำหรับเจ้าตัวซอมบี้ในเรื่องนี้ ทั้งหน้าตา ทั้งการแต่งตัว พาลให้ผมคิดไปถึงนาย Ghost Rider แห่งค่าย Marvel Comics ซะงั้น ฮ่า ฮ่า
แฟนหนังซอมบี้ ซื้อหนังเรื่องนี้เก็บคงไม่เสียหายครับ อาจจะได้อารมณ์ซอมบี้อีกแบบถึงแม้จะไม่แตกต่างแต่ก็ดูได้เพลิน ๆ ทีเดียว แต่สำหรับใครที่เป็นแฟนหนัง Horror ที่ไม่ได้คลั่งไคล้ซอมบี้มากนัก เก็บเงินในกระเป๋าท่านไปซื้อหนังสยองเรื่องอื่นน่าจะดีกว่านะ…
ใครดูเรื่องนี้คงจะเกลียดหนอน ไส้เดือน กันไปเลยทีเดียว…แต่ใครที่รักหนัง Horror คงต้องขอสั่งสปาเก็ตตี้หนอนอีกที่..แล้วอย่ากินคนเดียวล่ะ แบ่งให้กินบ้างนะจ้ะ^^
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 2.00 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies A - C Tagged with: review Bone Sickness, รีวิวหนัง Bone Sickness, รีวิวหนังซอมบี้, รีวิวหนังสยอง, หนังซอมบี้โหด
Blood Diner (1987)
Blood Feast 2
นำแสดง: Rick Burks (Michael Tutman), Carl Crew (George Tutman), Roger Dauer (Mark Shepard), LaNette La France (Sheba Jackson), Lisa Elaina (Connie Stanton as Lisa Guggenheim), Max Morris (Chief Miller), Roxanne Cybelle (Little Michael), Sir Lamont Rodeheaver (Little George as Sir Rodenheaver), Dino Lee (King of White Trash), The Luv Johnsons (The White Trash Review), Drew Godderis (Anwar), Bob Loya (Stan Saldin), Alan Corona (Paul Stanton), Deseree Rose (Mrs. Stanton), Laurie Guzda (Joanne)
กำกับ: Jackie Kong
เขียนบท: Michael Sonye
ประเภท: Horror / Comedy
เมื่อสองพี่น้อง ไมค์ และจอร์จ ผู้ได้รับการปลูกฝังเคล็ดลับการทำอาหารจากคุณลุงตั้งแต่เด็ก มาเปิดร้านอาหารเจที่ไม่มีใครรู้ว่า มันเป็นอาหารเจที่ประกอบมาจากส่วนประกอบของมนุษย์! และผู้ที่อยู่เบื้องหลังการกำกับการทำอาหารเหล่านี้ ก็คือ คุณลุง ที่เหลือเพียงมันสมอง กับสองตาอยู่ในขวดโหล คอยบัญชาการหั่นเนื้อมนุษย์…สุดหรรษาไปกับภาพยนตร์สยองเกรดบี ที่จะทำให้คุณยิ้มกับมุขแป๊กที่ผู้กำกับ Jackie Kong บรรจงอัดใส่ในทุกตอน ^^
มื้อเดือด…เลือดสาด!
ลองนึกภาพอาหารหน้าตาโอชะ น่าหม่ำวางเรียงรายบนโต๊ะ มันช่างน่าดึงดูดให้จับยัดเข้าปากเสียยิ่งกะไร…หากเพียงแต่ คุณต้องทำใจ ไม่ให้รู้ว่ามันมีส่วนผสมที่ทำมาจากอะไรบ้าง ??!!??!! คุณอาจจะเคยสัมผัสกับตำนานซาลาเปาไส้มนุษย์ เกี๊ยวไส้รกเด็ก หรืออะไรเทือกนั้น หนังตำนานเมนูรสเด็ดที่ใส่ความโหด รุนแรงอย่างไม่ยั้ง…Blood Diner เป็นหนึ่งในหนังจำพวกนั้นแหละครับ แต่มันเป็นหนังเมนูนรกเลือดสาดที่ใส่มุขฮา ปัญญาอ่อน เข้าไปในฉากโหดๆ จิตๆ ได้อย่างไม่เคอะเขิน
ฉากโหด Gore ล่อลวงสาวๆ มาชำแหละ มีให้เห็นกันทั้งเรื่องครับ ดูกันเพลิดเพลินสายตา อาจพาลให้คุณท้องร้องจนต้องไปหาเมนูเด็ดๆ กินบ้าง…ยกตัวอย่างฉาก ขำๆ พอเป็นกระสัย
– ฉากการสังหารหมู่ ในรายการถ่ายทอดสด Nude Aerobic สาวๆ เปลือยท่อนบน กำลังเต้นแอโรบิคออกรายงานทีวี อย่างสนุกสนาน เจ้าไมค์ และจอร์จ บุกเข้าไปในสถานี กราดปืนใส่อย่างไม่ยั่ง จบด้วยการหั่นชิ้นส่วนร่างกายของสาวๆ อย่าสนุกสนาน เอากลับไปปรุงอาหารสุดอร่อยแสนโอชะให้ลูกค้า!
– ภาพการล่อลวงหญิงสาวสุดเซ็กซี่มาเล้าโลมจนหล่อนร้อนร่าน ก่อนสนองความร่านร้อนด้วยการ เอาแป้งทอดกรอบชุบร่างกายเหยื่อ กดหัวที่เต็มไปด้วยแป้งกรอบลงกะทะร้อนๆ นี่แหละ ลูกชิ้นหัวกรอบของแท้ โอ้ว…แม้จะเต็มไปด้วยภาพความไม่สมจริง และมุขอารมณ์ขำขัน แต่มันก็สยองไม่น้อยเลย!
– ภาพของเจ้าจอร์จ..น้องชาย ผู้คลั่งไคล้มวยปล้ำ ได้โอกาสขึ้นเวลา กัดกินขาของคู่ต่อสู้อย่างเอร็ดอร่อย..โอ้ว กินเนื้อมนุษย์สดๆ กันบนเวทีเลย เห็นแล้วอดคิดถึง เจ้าไมค์ ไทสัน กัดหูคู่ชกวะ!
– ฉากของนักเที่ยวในผับที่กินอาหารเม็ดสูตรพิเศษของสองพี่น้องจอร์จ และไมค์ เข้าไปแล้ว ทำให้นักเที่ยวทั้งหลายกลายพันธุ์เป็นซอมบี้ ผู้หิวโหยเนื้อมนุษย์ต่างรุมกัดกินกันเองอย่างเมามัน..โอ้ว ฉากนี้มันดูยุ่งเหยิง วุ่นวายไปหมด เลือด ไส้ สมอง ตับ ไต กระจายดาษเดื่อน เพลงประกอบฉากด้วยดนตรีดิสโก ร็อกแอนด์โรล สลับกับดนตรีคลาสสิกสุดสยิว เจ๋งไม่น้อยเลย!
แม้จะเป็นหนังเกรด B หลุดโลก แต่ด้วยความชอบหนังสยองฮาเป็นทุนส่วนตัว ผมว่าหนังเรื่องนี้ทำออกมาใช้ได้เลยครับ ดูได้เพลินๆ ขำๆ ไม่น่าเบื่อ ใครชื่นชอบหนังสยองฮาอยู่แล้ว ผมแนะนำนะครับ แต่ใครชอบความโหด จิต สุดขั้ว คงไม่เหมาะกับหนังขำขันสยองสุดฮาเรื่องนี้
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 3.00 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies A - C Tagged with: รีวิวหนัง Blood Diner, รีวิวหนังสยองขวัญ, รีวิวหนังสยองตลก, หนังสยองขวัญ เลือดสาด, หนังสยองฮา, หนังโหด Gore
Black Night (2006)
ลาง – หลอก – หลอน
นำแสดง: พิชญ์นาฎ สาขากร (ปราง), ขจรศักดิ์ รัตนนิสสัย (วิทย์), นัชชา บุตรศรี (แพรว), ดีแลน กัว (โจ), แอนนี่ หลิว (เจน), เรซ หว่อง (โฮซี่) , อาซากะ เซโตะ (ยูกิ), ทาคาชิ คาชิวาบาระ (ซาโตชิ), โทโมโรโว ทากาอุจิ (ดร. คาไว)
กำกับและเขียนบท:ธนิตย์ จิตนุกูล, แพทริก เหลียง, ทาคาฮิโกะ อากิยามา
ประเภท: Horror
“ภาพยนตร์ทดสอบความกล้ากับสิ่งที่ทุกชาติเรียกว่าผี” โอ้ว…คำโปรยสุดท้าทายจากภาพยนตร์สามชาติสยองขวัญเรื่อง ลาง – หลอก – หลอน ที่ช่างเป็นลาง หลอน หลอกตัวผมเองเหลือเกิน เรื่องราวเป็นยังไง…ติดตามกันได้
หนังสามชาติที่ประกอบไปด้วยเรื่อง The Lost Memory ส่งเข้าประกวดโดยพี่ไทย, Next Door ส่งเข้าประกวดโดย ฮ่องกง และสุดท้าย Dark Hole ส่งเข้าประกวดจากญี่ปุ่น หนังสามชาติที่ใช้ชื่อร่วมว่า Black Night หรือชื่อไทย ลาง – หลอก – หลอน เรื่องราวที่ใช้ theme ที่ว่าด้วยเรื่องของ “น้ำ”
ว่ากันทีละเรื่องครับ…
Next Door (ฮ่องกง) กำกับ: แพทริค เหลียง
เขียนบท: แพทริค เหลียง, ซาร์ลี ซอย
หนังจากฮ่องกงที่ผมตั้งใจจะมาดูผลงานจากผู้กำกับ แพทริค เหลียง ผู้ที่สร้างชื่อจากการทำหนังเรื่อง The Twins Effect II หนังบู๊ เทคนิกตระการตาที่กอบโกยเงินไปพอสมควร สำหรับหนังแสดงหลักในเรื่องนี้ประกอบไปด้วย ดีแลน กัว (โจ), แอนนี่ หลิว (เจน) และเรซ หว่อง (โฮซี่) เรียกว่า ได้นักแสดงมากความสามารถ และมีชื่อเสียงในฮ่องกงมาร่วมงานด้วย ในเรื่องบทบาทการแสดงของนักแสดงทั้งสามหายห่วงครับ เรื่องราวที่ปูเรื่องด้วยความเชื่อในคืนปล่อยผี ช่วงเดือนอาถรรพ์ คล้ายกับวันพระใหญ่ในบ้านเรา ที่จะมีความเชื่อว่า ภูติผีที่ไร้ญาติจะคอยออกมาขอแบ่งส่วนบุญ ในช่วงนี้แหละ ที่จะมีเหตุการณ์สยองเกิดขึ้นได้บ่อยๆ…
เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อ “เจน” สาวนักดนตรีสุดเซ็กซี่เดินทางกลับมาหาแฟนหนุ่ม “โจ” ที่เป็นตำรวจอยู่ที่จีนแผ่นดินใหญ่ จากระยะเวลาที่เจนห่างหายไปจากโจไป ทำให้โจไปมีความสัมพันธ์กับสาวแผ่นดินใหญ่ที่อยู่ข้างห้อง ด้วยความเจ้าชู้ของโจ เมื่อเจนกลับมาทำให้ โจกลับไปมีความสัมพันธ์สวาทกับเจนอีกครั้ง ซึ่งในขณะเดียวกันนั้น โจ หารู้ไม่ว่า แฟนสาวแผ่นดินใหญ่ที่อยู่ข้างห้องนั้น…เธอได้ตายไปแล้ว…
หนังเดินตามสูตรหนังผี หนังสยองทั่วไป ด้วยการฉายภาพปัจจุบัน แล้วค่อยย้อนอดีต เฉลยปมหนังผ่อนคลายไปทีละปล้อง จะว่าไปแล้ว “Next Door” เป็นหนังที่เต็มไปด้วยความรัก เซ็กส์ ความสัมพันธ์สวาท และความเครียดแค้นอยู่เต็มไปทุกอนูของหนัง เรียกว่าเป็นหนังตามสูตรที่ผมว่า เพื่อนๆ คงจะเอียนความเนื้อเรื่องในพล็อตแบบนี้แล้ว
Dark Hole
กำกับ: ทากาฮิโกะ อากิยาม่า
เขียนบท: ทากาฮิโกะ อากิยาม่า, มายูโกะ โต
จากการโปรโมตว่า ทากาฮิโกะ นั้นเคยเป็นผู้กำกับเทคนิกพิเศษในหนังเรื่อง Final Fantasy: The Spirits Within นอกจากนี้หนังยังได้นักแสดงนำ อาซากะ เซโตะจากหนังเรื่อง One Missed Call ภาคสอง, ทากาชิ คาชิวาบาร่า และ โทโมโรโวะ ทากูจิมาร่วมสร้างความสยองขวัญอีกด้วย Dark Hole เป็นหนังที่นำเรื่องของความทรงจำ อดีตที่ฝังใจในช่วงเด็กมาเป็น theme หลักของเรื่องราวทั้งหมด (จะว่าไปส่วนใหญ่ผู้กำกับหนังญี่ปุ่นมักชอบที่จะนำเรื่องแบบนี้มาใช้เป็นพื้นฐานสร้างให้หนังมีน้ำหนักและเหตุผลกับเหตุการณ์ในปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความรุนแรง สุดสยอง) เหตุการณ์เริ่มที่ ยูกิ ต้องพบเจอกับฝันร้ายอันสุดแสนทรมานในเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ มาตลอด ทำให้เธอต้องไปพบกับจิตแพทย์ เมื่อเธอโดนจิตแพทย์สะกดจิต ความลับ ความทรงจำในตอนเด็กทุกอย่างก็เริ่มกลับมา ปริศนาเกี่ยวกับความฝันของเธอเริ่มจะมีคำตอบ…
เศร้า เศร้า เศร้า…
หมายถึงตัวผมเองนะครับ ผิดหวังมากๆ กับเนื้อเรื่องที่เชื่อมโยงกับสัตว์เลี้ยง (สุดสยอง) ของยูกิ ซึ่งหน้าตามันน่ารักมั่กมากก..ถ้านึกภาพไม่ออกก็ให้นึกถึงหน้าตาสัตว์ประหลาดพวกขบวนการ 5 สีทั้งหลายนั่นแหละครับ ดูไปดูมานึกว่า เป็นหนังขบวนการ 5 สี ปราบเหล่าร้าย ซะงั้น ~~ เนื้อเรื่องปูมาด้วยเรื่องเกี่ยวกับจิตแพทย์ การใช้มุมกล้องที่น่าสนใจ แต่ไหงกลับมาทำหนังที่ไร้น้ำหนัก เบาโหวง สุดๆ ได้แบบนี้…ขอให้ท่านผู้ที่คิดจะดู ทำใจไว้ล่วงหน้าครับ
The Lost Memory กำกับ: ธนิตย์ จิตนุกูล
เขียนบท: ธนิตย์ จิตนุกูล, ฐิติพงศ์ ใช้สติ, เยาวพิน เจริญลู่ลิขิตกุล, วรรธนะ วันชูเพลา
ผลงานการกำกับของผู้กำกับ ธนิตย์ ที่ทำหนังน่ารัก หนุกหนานได้โดยใจผมในเรื่อง ซึมน้อยหน่อย กะล่อนมากหน่อย และหนังปลุกใจ แนวรักชาติเรื่องบางระจันได้ดีทีเดียว คราวนี้ ธนิตย์ หันมาลองจับหนังสยองขวัญกันบ้าง และก็ทำได้ไม่ผิดหวังครับ… นักแสดงนำในเรื่องนี้ประกอบไปด้วย พิชญ์นาฎ สาขากร(ปราง) , ขจรศักดิ์ รัตนนิสสัย(วิทย์) , นัชชา บุตรศรี (แพรว) และ เด็กชายอธิพันธ์ ฉันทอภิชัย (ซัน) เรื่องราวของ “ปราง” คุณแม่ยังสาวที่ต้องเลิกลากับสามีจอมเจ้าชู้ “วิทย์” ในขณะที่มีลูกชายวัยกำลังซนอย่าง “ซัน” ที่ปรางคิดว่าจะมาเป็นแก้วตาดวงใจให้สามีเลิกเจ้าชู้ได้ เรื่องถูกผูกไว้ด้วยเพื่อนคนสำคัญแสนสนิทของปราง นั่นคือ แพรว ผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์บางอย่างกับวิทย์…
ธนิตย์พยายามหลอกล่อให้คนดูตายใจ ด้วยความตายของแพรวที่ดันกลายมาเป็นผี หลอกหลอน ปรางเพื่อนสนิทของตนเองอย่างไร้เหตุผล และเหตุผล น้ำหนักต่างๆ ก็เริ่มปรากฏชัดขึ้นเรื่อยๆ ต้องยอมรับว่าภายในเวลาช่วงสั้นๆ ของหนัง ธนิตย์พยายามรวบรัดเนื้อหาต่างๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม สิ่งหนึ่งที่เราเห็นธนิตย์พยายามทำในหนังผีของเขาคือ การฉีกผีในอุดมคติที่จะต้องหน้าขาว คลานช้าๆ ออกมาจากมุมต่างๆ ของห้อง ในเรื่องนี้ ธนิตย์กลับใช้ผีตัวดำ อีกทั้งยังมีการจู่โจมที่รวดเร็วในระยะประชิดอีกด้วย จุดตรงนี้สร้างความหลอกหลอนให้คนดูได้ไม่น้อย คงไม่เฉลยครับ สำหรับเรื่องราวในเรื่องนี้ แต่ถ้าอยากดูธนิตย์กำกับหนังผีแบบซีเรียส ก็อย่าพลาดเลยแหละ เขาทำได้ไม่เลวเลยทีเดียว
บทสรุป ลาง หลอก หลอน
ต้องยอมรับว่า ข้อ1. The Lost Memory และ Next Door ทำได้สมตัวครับ ไม่แย่หรือดีแบบเห็นได้ชัด เสมอตัวในความเป็นหนังผี ส่วน Dark Hole นั้นก็ต้องขอสดุดี อันเชิญให้หนังเรื่องนี้กลับลงหลุมต่อไป อาจจะเนื่องจากว่า สัตว์เลี้ยงตัวน้อยตัวนั้น เป็นหนึ่งในตำนานพื้นบ้านของญี่ปุ่นที่คนไทยอย่างผมไม่อาจเข้าใจก็เป็นได้
ข้อ2. ผิดหวังกับหนังร่วมทุน สามชาติ สร้างอีกแล้ว… หลังจากที่ผิดหวังกับหนังสามชาติในเรื่องก่อนๆ ที่ทำโปรโมชั่นดี๊ดี จนเราอยากไปดูและก็ต้องมาผิดหวัง …คราวนี้เพียงอยากพิสูจน์ว่า มาตรฐานการทำหนังสามชาติจะกลับมาดีเหมือนเรื่องแรกๆ ที่ทำออกมาบ้างมั้ย กลับกลายเป็นว่า หนังสามชาติเริ่มตกต่ำ ไร้ความสนุกและดึงดูง ผมว่าหลายคนคงเข็ด หากมีเรื่องต่อๆ ไปอีก เข็ดว่ามันจะเป็น “ลาง” ที่คอยแต่จะ “หลอก” เงินในกระเป๋าของเรา ซึ่งหากเรายอมเสียตังส์ไปดูแล้ว มันคงจะ “หลอน” ให้เราเข็ดไปอีกนาน… ..ราวกับเพื่อนเล่าให้ฟังถึง หญิงคนหนึ่งที่หน้าตาสวยดุจนางฟ้า แต่พอเรากลับไปเห็นตัวจริงแล้วก็ต้องร้อง “ยี๊” ออกมาดังๆ…
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 2.50 / 6.00
Posted in Horror Movie Reviews, Horror Movies A - C Tagged with: รีวิว Black Night, รีวิวหนังผี, รีวิวหนังลาง หลอก หลอน, รีวิวหนังสยองขวัญ, หนังผี, หนังผีร่วมทุน, หนังผีไทย, หนังไทย