The Letters of Death (2006)
เดอะเลตเตอร์ เขียนเป็น ส่งตาย
นำแสดง : มหาสมุทร บุณยรักษ์, ชลลดา เมฆราตรี, กรรชัย กำเนิดพลอย, ศุภกิจ ตังทัตสวัสดิ์, แอนดี้ เขมภิมุก, อโณมา ศรันย์ศิขริน
กำกับ : กพล ทองพลับ
ประเภท :Horror
เรื่องย่อ: เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อชัยวัฒน์ เพื่อนร่วมรุ่นตายไปต่อหน้าต่อตาเสรี เหลือเพียงซีดีที่ชัยวัฒน์ ให้เป็นข้อมูล ในซีดีแผ่นนี้ มีแต่ภาพคนตาย ซึ่งทั้งหมดเป็นเพื่อนนักเรียนตอนอยู่ ป.6 ห้องเดียวกับเขาทั้งสิ้น แต่น่าแปลกใจคือ ผู้ตายได้รับ “จดหมายลูกโซ่ปริศนา” ทุกคน !!!
เสรีและนาตยาเริ่มสืบหาสาเหตุจากข้อมูลที่มีอยู่ และถ้าไม่สามารถแก้ปริศนาได้ภายในเวลาที่กำหนดในจดหมาย ความตายเท่านั้นที่เป็นคำตอบสุดท้าย ตอนนี้ นาตยา เพื่อนสาวร่วมรุ่นได้รับจดหมายแล้ว และเพื่อนที่เหลืออยู่ ทุกคนก็ได้รับจดหมายเช่นกัน เสรีได้บอกทุกคนเรื่องความตายจากจดหมายปริศนาที่ทุกคนได้รับ แต่ไม่ใครเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง น่าจะเป็นเหตุบังเอิญมากกว่า จนกระทั่งพวกเขาทุกคนได้เผชิญหน้ากับความตายไปทีละคนอย่างไม่มีทางเลือก
การค้นหาคำตอบเริ่มชัดเจน เมื่อพฤกษ์ตั้งข้อสันนิษฐานว่า จดหมายปริศนาน่าจะเกี่ยวข้องกับ “ไอ้แว่น” เพื่อนคนหนึ่งสมัย ป.6 ที่มักถูกเพื่อนๆ แกล้งเสมอ ขณะที่ปมปริศนากำลังจะถูกคลี่คลาย เวลาของพฤกษ์ก็หมดลง เช่นเดียวกับเพื่อนคนอื่นๆ เหลือแต่เสรีกับนาตยา สองคนสุดท้ายในรุ่น ที่จะต้องแก้ปมปริศนาต่อไป พวกเขาจะสามารถหาคำตอบได้ทันหรือไม่ เพราะเวลาของพวกเขาทั้งสองกำลังจะหมดลงเหมือนกับเพื่อนของเขาอีกในไม่ช้า…….
หนังไทยที่โปรโมตมากมาย…
หนังจาก “เจ้าพ่อผีเมืองไทย ดีเจ ป๋อง กพล ทองพลับ…ดีเจ ป๋อง เดอะ ช็อก…ผู้รู้จริงเรื่องผี ผู้คร่ำหวอดในเรื่องภูตผีวิญญาณมานานร่วม 20 ปี…” และอีกมากมายคำโปรโมตที่ หรืออาจจะเรียกว่า บุคคลที่หากินกับผี ก็คงจะว่าได้ (แซวเล่นนะครับ ^^ หนังจะคุณภาพสนุกสยองดั่งคำยกย่องหรือเปล่า เพื่อนๆ คงต้องไปพิสูจน์เองนะ)…
นอกจากทางค่ายหนัง เอ จี เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จะใช้ชื่อเสียงของผู้กำกับกระพือโปรโมตหนังเรื่องนี้แล้ว ทาง AG ยังใช้กลยุทธ์ทางการตลาดที่เล่นกับเรื่องราวความเชื่อของคนไทย กับ “จดหมายลูกโช่” ที่เป็น theme หลักของหนังเรื่องนี้ จนกระทั่งมีคนไม่พอใจถึงกับว่ากันไปถึงเรื่องราวของกฏหมาย ซึ่งทางบริษัทฯ เองก็ออกมาขอโทษเป็นที่เรียบร้อย (หลังจากสร้างกระแสได้อย่างล้นหลาม…จนเรียกว่าคุ้มค่า และยอมโดนด่า) สำหรับใครที่ไม่ได้ติดตามข่าวสาร ผมก็ขอนำข้อความข่าวจากเว็บไซต์ Manager Online มาลงให้อ่านกันบางส่วนครับ
“กลายเป็นปัญหาขึ้นมาอีกจนได้สำหรับวิธีการโปรโมตหนังในบ้านเรา ล่าสุดเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่อง “เดอะ เลตเตอร์ เขียนเป็นส่งตาย” ของบริษัทเอจี เอนเตอร์เทนเม้นท์ กำกับโดย “ป๋อง กพล ทองพลับ” ที่ได้มีนักศึกษาส่วนหนึ่งเข้าร้องเรียนไปยังสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคภายหลังได้รับจดหมายลูกโซ่มีเนื้อหาใจความในลักษณะที่ว่าจดหมายฉบับที่ว่าเขียนมาจากเพื่อนคนหนึ่งบอกว่าตนคงจะตายไปแล้วที่จดหมายฉบับนี้มาถึงมือผู้รับ และคนที่ได้รับจดหมายนี้จะต้องเขียนจดหมายส่งต่อไปอีกจำนวน 29 ฉบับ มิเช่นนั้นก็จะต้องจบชีวิตเช่นเดียวกับตน พร้อมกับลงท้ายเป็นรูปลายเส้นภาพแขวนคอและข้อความว่าแล้วเจอกันวันที่ 23 พ.ย….
ทั้งนี้หลังจากการได้รับการร้องเรียน ในวันนี้(16)ทางผู้บริหารค่ายเอจี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ โดยนาย “สมศักดิ์ ทรงธรรมากุล” ประธานบริหาร พร้อมด้วยทนายความส่วนตัว และ “ป๋อง กพล ทองพลับ” ในฐานะของผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวจึงได้เข้าไปชี้แจงต่อนายนพปฎล เมฆเมฆา ผู้อำนวยการสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคเป็นที่เรียบร้อยแล้วในช่วงสายที่ผ่านมา โดยบอกว่าจดหมายที่ว่านั้นถูกทำออกมาเพื่อเป็นการโปรโมตภาพยนตร์เรื่อง “เดอะเลตเตอร์ เขียนเป็นส่งตาย” จำนวนทั้งสิ้น 2,000 ฉบับด้วยกัน เน้นไปที่กลุ่มนักเรียน – นักศึกษา และมิได้มีเจตนาที่จะสร้างความตกใจให้กับผู้รับแต่อย่างใด เนื่องจากจะมีการส่งโปสการ์ดบอกรายละเอียดแนบไปกับจดหมายที่ว่านี้ด้วยทว่าได้เกิดการผิดพลาดต่อการจัดส่งจึงทำให้โปสการ์ดไม่ได้ถูกส่งไปพร้อมกับจดหมายพร้อมกับกล่าวขอโทษในความผิดพลาดดังกล่าว…”
ใครอยากอ่านเต็ม ๆ ก็เข้าไปได้ที่ http://www.manager.co.th/entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9490000141608 ครับ เอาเป็นว่า เพื่อนก็ใช้วิจารณญาณตัวเองดูนะครับ ว่าการกระทำแบบนี้สมควรหรือเปล่า
หนังจำพวกเอะอะก็ตาย…เอะอะก็จะฆ่า
เนื้อเรื่องชี้ไปที่เด็กนักเรียนที่เข้ามาใหม่กลางเทอมคนหนึ่ง โดยถูกแกล้งจากกลุ่มเพื่อนนักเรียนด้วยกัน แกล้งซะจนทำให้เด็กนักเรียนใหม่คนนั้นได้รับอุบัติเหตุตกบันได ชนิดที่เรียกว่า สาหัสจนไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อีกต่อไป เด็กนักเรียนใหม่คนนั้นก็มีแต่ความแค้น เกลียดชัง ประกอบกับเด็กน้อยคนนั้นชอบเล่นเกมแฮงค์แมนเป็นชีวิตจิตใจ สุดท้ายจึงจบชีวิตลงพร้อมกับฝังความแค้นลงในจดหมายลูกโช่ พร้อมทิ้งปริศนาให้เพื่อนๆ ในห้อง ป.6 ที่เคยแกล้งเขาได้แก้ไขปริศนานั้นดู
ดูหนังเรื่องนี้จบแล้ว ส่วนตัวผมก็มีเรื่องขำๆ เล็กน้อยมาเล่าให้ฟัง เรียกน้ำย่อย เผื่อผู้ที่ไปชมจะร่วมสังเกตไปกับผมด้วย เริ่มต้นที่…หน้าตาเจ้าเด็กนักเรียนใหม่ที่ตอนสมัยเรียนอยู่ ป.6 ก็น่ารักดีนะครับ แต่พอแกประสบอุบัติเหตุ หรือประสบเคราะห์จากการกลั่นแกล้งของเพื่อน ๆ ร่วมชั้น และโตขึ้นมาชนิดที่เรียกว่า พกความคาดแค้นมาเต็มกระเป๋านั้น หน้าตาแกดูไม่ได้เลยครับ ดูไม่ได้อย่างมากมาก แตกต่างจากเพื่อนร่วมชั้นที่โตขึ้นมานั้น หน้าตา หล่อ สวย เป็นนายแบบ นางแบบสบายๆ ผมว่าการสร้างบุคลิกตัวละครได้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงซะขนาดนั้นเนี่ย มันออกจะดูจงใจให้เกิดความแตกต่าง ระหว่าง คน กับ ผี(ที่มีแต่ความแค้น) ช่างไม่สมจริง และน่าขำ(เล็กน้อย) อย่างที่สุด ผมว่าการสร้างหนังจำพวกนี้ไม่จำเป็นต้องสร้างความแตกต่างในเรื่องของหน้าตาของตัวละครในลักษณะนี้ก็ได้ครับ
พระเอก จีน มหาสมุทร (จากภาพยนตร์เรื่อง หมานคร) ของพี่ป๋อง ที่ผมเห็นแกให้สัมภาษณ์ในงานเปิดตัวหนังว่า ต้องพระเอกคนนี้แหละ มีลักษณะในแบบ anti – hero คือลักษณะที่ว่าไม่น่าเป็นพระเอก แต่ก็เป็นพระเอกได้ ผมว่าพระเอกคนนี้มีความสามารถในระดับนึงครับ แต่แกต้องพัฒนาฟิลลิ่งในการเล่นภาพยนตร์จำพวกนี้อีกเยอะครับ เพราะเสียงแก ชวนง่วงนอน(มาก) นิ่ง ราบ เรื่อย เอื่อย ขนาดจุดสุดยอดของเรื่องที่พระเอกจีน ต้องตะโกนให้ นางเอกเก๋ เขียนจดหมายลูกโซ่ต่อนั้น มันยังดูไร้อารมณ์เหลือเกิน…
อย่างที่บอกไปครับ หนังเรื่องนี้เข้าข่าย หนังเอะอะก็ฆ่า เอะอะ เอ็งก็ต้องตายครับ…ซึ่งน้ำหนักในการประพันธ์หนังในเดอะ เล็ตเตอร์ให้เกิดการฆ่าล้างแค้นยกห้องแบบนี้ มันเบาหวิวมากครับ ไม่รู้แค้นอะไรนักหนา จะฆ่ามันล้างโคตร ทำนองนั้นเลย มันเสียดายนักแสดงที่อุตสาห์ตั้งใจมาโปรโมตหนัง มาร่วมแสดงครับ ออกมาฉาก สองฉาก ก็โดนฆ่าซะสยดสยอง หรือพี่ป๋อง ต้องการจะขายหนังในลักษณะ Gore ก็ไม่อาจทราบได้
กลิ่นหนังฝรั่งที่พี่เค้าอาจได้รับอิทธิพลมาก็คุกรุ่นอยู่หลายเรื่อง หนังจำพวกค่อยๆ ตายไปทีละคน ทีลคน ผมว่าเพื่อนๆ คงจะนึกออก ยิ่งหากได้ดูผลงานของพี่ป๋องในเรื่องนี้แล้ว คงจะร้อง ‘อ๋อ’ กันได้ไม่ยาก
ผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของ “เจ้าพ่อผีเมืองไทย” ผมก็ขอเอาใจช่วยให้พี่ “เจ้าพ่อผี” สร้างผลงานคุณภาพออกมาอีกเยอะๆ นะครับ
..ใครใคร่อยากดูหนังโรง ก็เชิญครับ
..ใครใคร่อยากรอดูหนังแผ่น (ก็แนะนำนะ) ^^
โดย ศร-รณ (aka ถั่วเขียว ณ ทุ่งสังหาร)
Rating: 2.00 / 6.00
Powered by Facebook Comments